สวัสดีครับ! ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกๆคนที่ว่างแวะมาเจอกันในงานนี้มากๆ และต้องขออภัยหากว่าสิ่งใดขาดตกบกพร่องไป หรือมีข้อผิดพลาดขึ้นนะครับ อย่างที่ทราบกันดีว่า ผมจัดงาน Mangmaoclub First Meeting ขึ้นมา เพราะเป็นคำแนะนำสุดท้ายก่อนที่คุณยายของผมจะจากไป แม้จะไม่มีประสบการณ์ออกมาพูดบรรยายหน้าห้องแบบนี้มาก่อนเลย แต่ก็คิดว่าถูไถไปได้พอสมควร 55 แถมยังได้รับความร่วมมือจากทุกๆคนในการนั่งทนร้อนฟังผมจนจบ (เพราะแอร์เสียไปตัวนึง) ต้องขอบคุณมา ณ ที่นี้อีกครั้งด้วย
อย่างไรก็ตามจากการบรรยายที่ผ่านมา มีหลายๆคนที่ได้ติมาว่า Slide ที่เตรียมไปนั้น ตัวหนังสือเล็กมากมองไม่เห็น (ซึ่งเป็นความผิดพลาดของผมเองอีกแล้ว ) จึงอยากจะขอไฟล์สไลด์พวกนี้เอาไว้ ผมเองนั้นจริงๆไม่ได้หวงอะไรหรอกนะครับ แต่อายเพราะว่าผมทำสไลด์ได้ชุ่ยมาก ผมจึงขอเอาบทสรุปของเนื้อหาในวันนั้นมาลงเอาไว้ให้ดูกันนะครับ โดยในบทความนี้จะเป็นส่วนของ Mindset ส่วนใน Part อื่นจะลงให้อีกในวันต่อไปนะครับ
ปล. ต้องขอขอบคุณแขกรับเชิญทุกท่านที่มาช่วยให้ความรู้กับทุกคนในงานนี้ด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นพี่เสก, พี่จอน, พี่แจ็ค, พี่เก่ง,หมอเค และฮงครับ
Part 1 : Mindset
ความหลงผิดของนักเล่นหุ้น (ส่วนใหญ่)
หากยังจำกันได้ ผมเองได้ถามคำถามแรกเอาไว้ว่า คุณคิดว่า Holy Grail หรือสูตรสำเร็จและกฎจากเบื้องบนนั้นมีอยู่จริงหรือไม่?
มันมีอยู่จริง … และเรายังหามันไม่เจอ? หรือว่ามันไม่มีอยู่จริง คำถามนี้จริงๆแล้ว คงเป็นไปตามความเห็นของหลายๆคน อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งจากบทวิจัยในหนังสือ Expert Political Judgement ซึ่งได้ทำการเก็บรวบรวมสถิติของคำทำนายจากกูรูชั้นนำกว่า 82,361 ชิ้น ซึ่งคำถามส่วนใหญ่นั้นอยู่ในขอบข่ายทางเศรษฐกิจที่ผ่านมา ได้ชี้ให้เห็นว่า คำทำนายจากกูรูชั้นนำมีความแม่นยำโดยเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 20% เท่านั้น นี่เป็นข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว มันขัดกับความเชื่อของใครหลายต่อหลายคน … ประเด็นก็คือ คุณคิดอย่างไร?
กราฟกำลังส่งสัญญาณให้กับเราจริงๆอย่างนั้นหรือ?
นี่ก็เป็นคำถามปลายเปิดอีกข้อหนึ่งซึ่งผมได้ถามทุกคนเอาไว้ และหากว่าสิ่งที่มันบอกใบ้กับเราอยู่ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตจริงๆ แล้วทำไมเราไม่สามารถที่จะหาสัญญาณบางอย่างที่สามารถพิสูจน์ความถูกต้องและแม่นยำได้ถึง 100% เสียที
คำตอบอย่างหนึ่งที่ผมได้ให้แง่คิดเอาไว้ก็คือ สิ่งที่คุณกำลังมองเห็นอยู่ อาจเป็นเพียงแค่ภาพบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้นเองก็ได้ สิ่งที่คุณเห็นอยู่นั้นอาจเป็นเพียง “เงาสะท้อน” จาก “ความเชื่อ” ที่คุณแปลผลจากสิ่งที่คุณกำลังมองอยู่เองเท่านั้น มันอาจไม่ใช่ความจริง แต่เป็นเพียงภาพมายาจากความเชื่อในจิตใจของเราเองก็เป็นได้!
นั่นแปลว่าตลาดมีประสิทธิภาพจริงๆอย่างที่ทฤษฏี Efficient Market Theory ได้กล่าวเอาไว้ และเราไม่มีทางทำกำไรจากตลาดได้จริงๆอย่างนั้นหรือ?
ผมเองไม่ได้ตอบคำถามข้อนี้เอาไว้ แต่ได้ให้ความเห็นบางอย่างเอาไว้ว่า หากมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ตลาดควรที่จะเคลื่อนไหวในรูปแบบของเส้นสีเขียวในภาพ นั่นก็คือทุกๆคนรู้ข้อมูลข่าวสารและตัดสินใจกระทำสิ่งต่างๆอย่างพร้อมเพรียงกัน แน่นอนว่าสิ่งนี้เคยเกิดขึ้นในบางครั้ง ซึ่งแสดงออกมาเป็น Gap การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น เช่นเมื่อมีการประกาศ Take Over บริษัทบางแห่ง
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ราคาของหุ้นมักที่จะเคลื่อนไหวอย่างในเส้นประสีฟ้าและสีแดงเสียเป็นส่วนใหญ่ต่างหาก นั่นแปลว่าแท้จริงแล้ว คนเราไม่ได้เป็นอย่างที่ทฤษฏี EMT ได้กล่าวเอาไว้ตลอดเวลา เพราะตลาดได้แสดงให้เห็นว่า พวกเราส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีการรับรูข้อมูลข่าวสารที่เหลื่อมล้ำกันไป และมีการตัดสินใจที่จะกระทำบางสิ่งต่อข้อมูลที่มีอยู่ล่าช้าแตกต่างกันออกไป
ไม่ว่าคุณจะยอมรับหรือไม่ คุณกำลังเดิมพัน (พนัน) ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งอยู่
หลายต่อหลายครั้งที่ผมมักจะได้ยินว่าการเล่นหุ้นต่างกับการลงทุนตรงที่อย่างแรกเป็นการพนันและอย่างหลังไม่ใช่ แต่อย่างไรก็ตาม ในเมื่อไม่มีสิ่งใดในตลาดที่มีความแน่นอนและถูกต้อง 100% คุณจะพูดได้อย่างไรว่าคุณไม่ได้กำลังคาดหวังกับอนาคต ว่าสิ่งต่างๆจะเป็นไปอย่างที่คุณคิด?
ผมคิดว่าข้อแตกต่างระหว่างการมีกำไรและการขาดทุนในระยะยาว ไม่ใช่อยู่ที่ว่าเรากำลังพนันอยู่หรือไม่ เพราะแท้จริงแล้วเรากำลังเดิมพันหรือพนันว่าบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่เสมอ ข้อแตกต่างที่สำคัญก็คือ สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นั้นมีความได้เปรียบ (Edge) หรือไม่ต่างหาก และหากว่าคุณมีความได้เปรียบต่อตลาดเพียงพอ สุดท้ายแล้วคุณก็จะมีกำไรออกมาได้นั่นเอง โดยคุณสามารถที่จะคาดการณ์คร่าวๆได้จากข้อมูลของระบบการลงทุนที่คุณมีอยู่นั่นก็คือค่า Expectany
Expectancy = (Winning Probability x Average Win) – (Losing Probability x Average Loss)
ซึ่งคุณจะเห็นได้ว่า Winning Probability และ Losing Probability นั้นเป็นสิ่งที่คุณแทบจะไม่สามารถบังคับหรือควบคุมมันได้เลย จริงๆแล้วสิ่งที่คุณสามารถทำได้ดีที่สุดก็คือการควบคุม Average Loss จากจุดตัดขาดทุนและขนาดการลงทุน (Position Sizing) ในการลงทุนแต่ละครั้งของคุณต่างหาก
ดังนั้นแล้วเป้าหมายที่แท้จริงของการทำกำไรจากตลาดหุ้นก็คือ
เป้าหมายของการเล่นหุ้น (เพื่อเอาส่วนต่างราคา) ก็คือ
“การทำกำไรให้มากกว่าการขาดทุนที่เกิดขึ้น” ต่างหาก มันไม่ใช่เรื่องของการวิเคราะห์คาดเดา หรือเรื่องของความแม่นยำเลย มันคือการที่คุณต้องพยายามใช้ความได้เปรียบทางสถิติจากระบบการลงทุนของคุณเพื่อสร้างสิ่งนี้ออกมาให้ได้ เพราะตลาดหุ้นเป็นสถานที่ของความน่าจะเป็น และคุณควรจะต้องระลึกเอาไว้เสมอ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของภาพลวงตาที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่า มันมีสูตรลับหรือระเบียบกลไกบางอย่าง ซึ่งสามารถที่จะอธิบายและพิสูจน์ได้อย่างถูกต้องแน่นอน 100% อยู่ตลอดเวลานั่นเอง
สำหรับ Part แรกก็หมดเพียงเท่านี้ ในวันต่อไปผมจะนำส่วนของ Part ของ Money Management มาลงให้อ่านกันต่อไป สำหรับท่านที่ไม่ได้ไปงานนี้ก็คอยรอติดตามอ่านตอนต่อไปได้เร็วๆนี้เลยนะครับ :D