มีคนกล่าวไว้ว่า ในตลาดหุ้นขาลงนั้น 3 ใน 4 ของหุ้นทั้งตลาดจะลงไปพร้อมกับดัชนีตลาดโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดกลายเป็นขาลงครั้งใหญ่อย่างเต็มตัวนั้น การอยู่เฉยๆอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดก็ได้ ในบทความนี้ เราจะลองมาดูกันว่าคำกล่าวนี้จะเป็นจริงแค่ไหนกันครับ
เมื่อพูดถึงปรากฏการณ์ของตลาดหุุ้นในขาลงนั้น สำหรับตลาดหุ้นขาลงครั้งใหญ่ที่สุดที่พึ่งจะผ่านมากับตลาดหุ้นไทยนั้น (และตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในโลก) คงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ช่วงวิกฤติ Subprime หรือ Hamburger Crisis ในปี 2008 คือช่วงเวลาที่ตลาดหุ้น SET ของเรา ได้กลายเป็นขาลงอย่างเต็มตัว และมันได้ทำให้นักเล่นหุ้นหลายต่อหลายคน ต้องเจ็บตัวไปตามๆกันด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ อย่างไรก็ตาม เหตุผลหนึ่งที่เป็นเหตุผลสำคัญก็คือ
คนส่วนใหญ่นั้นพยายามที่จะฝืนกระแสของตลาดขาลง หรืออย่างน้อยที่สุด พวกเขาเชื่อว่าหุ้นที่ดีจะไม่ลงไปตามตลาด
แน่นอนครับ! อาจมีหลายคนเถียงว่า สุดท้ายแล้วหากมันเป็นหุ้นที่ดีจริงๆ ราคาของมันจะกลับขึ้นมาใหม่อีกครั้ง … สิ่งเหล่านั้นจะเป็นจริงในระดับหนึ่ง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับหุ้นที่คุณถือด้วยว่า จริงๆแล้วมันดีอย่างที่คุณได้ตั้งสมมุติฐานเอาไว้จริงๆไหม หรือตลาดจะเป็นขาลงยาวนานเท่าไหร่ด้วย และถึงมันจะขึ้นหรือไม่ขึ้น ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะมีกำไรจากมัน เพราะระหว่างทางนั้น มีหลายอย่างที่จะเกิดขึ้น คุณอาจขายเพราะทนไม่ไหวหรือมีเหตุผลอื่นที่ดีกว่าก็เป็นได้ ดังนั้น น่าจะเป็นการดีที่เราจะย้อนมองถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะวางแผนรับมือกับมัน หรือทำใจล่วงหน้าสำหรับบางคนที่ยังต้องการจะทนถือให้ผ่านช่วงเวลาแย่ๆไป
มีหุ้นตัวไหนบ้างไหม ที่ยังสามารถวิ่งขึ้นได้เมื่อตลาดเข้าสู่ขาลง?
ผมได้ทำการทดลองย้อนกลับไปในปี 2008 เมื่อเกิด Hamburger Crisis ขึ้น เพื่อที่จะเก็บข้อมูลว่ามีหุ้นอยู่กี่ตัวในตลาด (568 ตัวตามฐานข้อมูลที่ผมมีอยู่) และเป็นตัวใดบ้างที่ยังสามารถจะทำกำไรออกมาได้ (มีอัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาที่เป็นบวก) ในช่วงเวลาที่ตลาดเป็นขาลงใหญ่ในขณะนั้น โดยนับช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ตลาด Peak ในวันที่ 22/5/2008 ถึงวันที่ตลาด Bottom ในวันที่ 29/10/2008 ออกมา และหุ้นที่ยังเหลือรอดสามารถทำกำไรให้คุณได้เมื่อตลาดขาลงได้จบลงนั้น มีทั้งหมด 13 ตัวดังนี้
Ticker | End Date/Time |
Begin Close | End Close | Rate of Change | % Hi-Lo Range |
Average Value ฿ (120 days) |
SST | 29/10/2008 | 4.22 | 6.8 | 61.14 | 221.25 | 4,171,055 |
DM | 29/10/2008 | 10 | 13.5 | 35 | 155 | 55,921 |
CIMBT | 29/10/2008 | 0.79 | 1 | 26.52 | 154.4 | 13,775,493 |
UKEM | 29/10/2008 | 0.67 | 0.83 | 24.81 | 236.84 | 20,673,278 |
OISHI | 29/10/2008 | 30.5 | 36.5 | 19.67 | 127.83 | 2,803,744 |
UBIS | 29/10/2008 | 3.04 | 3.28 | 7.89 | 135.46 | 1,099,465 |
NC | 29/10/2008 | 3.5 | 3.7 | 5.71 | 165.44 | 9,272 |
ICC | 29/10/2008 | 40.5 | 42 | 3.7 | 107.69 | 1,446,007 |
JAS | 29/10/2008 | 0.33 | 0.34 | 3.03 | 176.67 | 41,564,424 |
BOL | 29/10/2008 | 1.38 | 1.4 | 1.45 | 146.43 | 69,913 |
ASIAN | 29/10/2008 | 1.38 | 1.39 | 0.72 | 208.4 | 1,663,977 |
PB | 29/10/2008 | 71 | 71.5 | 0.7 | 119.15 | 368,572 |
STHAI | 29/10/2008 | 1.68 | 1.69 | 0.6 | 156.03 | 294,454 |
- หุ้นส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่ไร้สภาพคล่องที่มีมูลค่าการซื้อขายที่ค่อนข้างต่ำเอามากๆเสียด้วย
- มีหุ้นอยู่เพียง 5 ตัวหรือเพียง 0.88% ที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่ากับความเสี่ยง (10% ขึ้นไป)
- ระยะของการเคลื่อนไหวหรือ Hi-Low Range นั้นค่อนข้างกว้างเมื่อเทียบกับอัตราการเปลี่ยนแปลงเมื่อสิ้นสุดการทดลอง นั่นจึงหมายความว่าคุณต้องเผชิญกับความผันผวนมากพอสมควร ในการที่จะอยู่ร่วมกับขาลงจนมันจบสิ้นไป
หากคุณคิดว่าคุณเป็นอัจฉริยะแห่งตลาดหุ้น ที่สามารถจะเลือกเฟ้นเอาสุดยอดหุ้นแบบนี้ออกมาได้ในตลาดขาลงล่ะก็ ยินดีด้วยล่วงหน้า (ขอให้สำเร็จครับ) แต่ถ้าหากคุณคิดว่าคุณไม่ใช่ หรือคุณยอมที่จะเผื่อใจไว้ให้กับความเสี่ยงบ้างล่ะก็ คุณก็น่าจะพอรู้คำตอบได้แล้วว่าควรทำเช่นไรเมื่อขาลงใหญ่มาถึง เพราะมันเป็นเรื่องค่อนข้างยากมากๆเลยทีเดียว ที่คุณจะสามารถค้นพบหุ้นเหล่านี้และทำกำไรจากมันได้ได้เมื่อขาลงใหญ่เกิดขึ้นจริงๆ และหากว่าคุณคิดว่าหยุดลงทุนไม่ได้จริงๆนั้น อย่างน้อยที่สุด คุณก็ควรที่จะผ่อนน้ำหนักลงมาบ้างเพื่อความปลอดภัยกันบ้าง เพื่อรักษาเงินทุนหากเหตุการณ์ดำเนินไปจนสุดกู่จริงๆนั่นเอง
อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญในการทำกำไรก้อนใหญ่ก็คือ การมีหุ้นอยุ่เมื่อแนวโน้มใหญ่มาถึง ไม่ใช่การฝืนแนวโน้มหรือหลอกตัวเองเมื่ออยู่ในขาลงไปวันๆ หากว่า Buy and Hold – Forever ไม่ใช่กลยุทธ์หลักของคุณแล้ว นั่นมีแต่จะยิ่งทำให้คุณต้องเจ็บปวดโดยไม่จำเป็น
เมื่อขาลงใหญ่มาถึง อย่าลืม … กฏ 3 ใน 4 ครับ