fbpx
วิธีการเล่นหุ้นและวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค

Why Trading System Work? : ทำไมคุณจึงมีกำไร?

Google+ Pinterest LinkedIn Tumblr

พยากรณ์ตลาดหุ้นหลายๆคนอาจไม่เคยสงสัยว่า … “เหตุใดพวกเขาจึงมีกำไรเกิดขึ้นมา?” หลายคนเชื่อว่าเพราะพวกเขาซื้อหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน อีกหลายคนเชื่อว่าพวกเขาซื้อหุ้นได้ถูกจังหวะ และอีกหลายคนเชื่อว่าพวกเขาซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งต่างๆเหล่านี้สามารถที่จะสรุปได้ในความหมายเดียว นั่นก็คือ พวกเราต่างก็สามารถทำกำไรขึ้นมาได้ เนื่องจากความไร้ประสิทธิภาพของตลาด (Market Inefficiencies หรือ Market Anomalies) นั่นเอง

** เพื่อให้ง่ายต่อการสื่อสาร ในบทความนี้ผมจะเรียกกลยุทธ์การทำกำไรในรูปแบต่างๆว่าระบบการลงทุน ไม่ว่ามันจะเป็นไปในรูปแบบใดๆก็ตาม (พื้นฐาน, เทคนิค, ลางสังหรณ์ … อื่นๆ)

เหตุใดคุณจึงมีกำไร?

เหตุที่ระบบการลงทุนต่างๆนั้น สามารถที่จะทำกำไรขึ้นมาได้ก็เนื่องมาจากว่า พวกมันสามารถที่จะค้นพบโอกาสจากความไร้ประสิทธิภาพของตลาดด้วยกันทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่น ระบบการลงทุนที่สามารถจะทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำอย่างมากได้ ก็เนื่องมาจากมันสามารถค้นพบโอกาสที่ตลาดไรเสถียรภาพอย่างมากออกมาได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เราควรจะระลึกเอาไว้อยู่เสมอก็คือ เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้ว ระบบการลงทุนทุกๆแบบจะต้องพบกับจุดตกต่ำหรือจุดที่มันหมดประสิทธิภาพลงไป (อาจเป็นการชั่วคราวหรือถาวรก็ได้) เหตุก็เนื่องมาจากเมื่อผู้คนต่างก็ค้นพบและช่วงใช้มันจนมากในระดับหนึ่ง การกระทำต่างๆเหล่านี้จะค่อยๆลดทอนเอาความไร้ประสิทธิภาพที่ระบบสามารถค้นพบออกไปจนน้อยลงไปเรื่อยๆ

เมื่อระบบการลงทุนแบบใดๆได้ถูกค้นพบและช่วงใช้โดยคนหลายๆกลุ่มจนถึงในระดับหนึ่งนั้น ความเชื่องช้าต่อการตอบสนองถึงความไร้ประสิทธิภาพของตลาด และปริมาณการซื้อขายที่ไหลเข้าไป จะทำให้ตลาดค่อยๆมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงจุดที่มันไม่อาจจะให้กำไรต่อเรากลับมาได้

ความไร้ประสิทธิภาพของตลาดหุ้นหลักฐานบางอย่างของความไร้ประสิทธิภาพภาพของตลาด

หลักฐานต่างๆเหล่านี้เราสามารถที่จะเห็นกันได้โดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการเกิดช่วงที่ระบบต่างๆเกิด Drawdown หรือแม้แต่เมื่อเรามองไปที่ตลาด เราจะเห็นถึงภาวะของการที่ตลาดเกิดช่วง Bull, Bear หรือ Sideway นั่นเอง ยกตัวอย่างง่ายเช่น เมื่อตลาดเข้าสู่ช่วง Sideway มันจะคงอยู่อย่างนั้นในช่วงเวลาหนึ่ง และระบบการลงทุนแบบ Swing Trading หรือซื้อมาขายไปตามแนวต้านแนวรับจะสามารถทำกำไรได้เป็นอย่างดี จนถึงจุดหนึ่งที่เมื่อคนหลายๆกลุ่มเริ่มที่จะสังเกตุและช่วงใช้มัน จุดนั้นเองที่ความมีประสิทธิภาพของตลาดจะเพิ่มขึ้นจนระบบเหล่านี้ไม่เกิดกำไรอีกต่อไป (โดยเฉพาะระบบที่มีตัวแปรหลายตัว – Curve Fit เพื่อจับเอาภาวะใดภาวะหนึ่งของตลาดโดยเฉพาะ) และตลาดก็จะดำเนินเข้าสู่ช่วงที่เป็นแนวโน้ม ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาของการทำกำไรของระบบการลงทุนแบบ Trend Following หรือแม้แต่ Fundamental Investing นั่นเอง

รูปแบบของปรากฏการณ์ความไร้ประสิทธิภาพของตลาด

สำหรับปรากฏการณ์ความไร้ประสิทธิภาพของตลาดที่รู้จักกันดีและมีความคงทน (Robust) มาอย่างยาวนานนั้น ผมจะเลือกนำมาเล่าให้ฟังกันในวันหลัง ซึ่งพวกมันก็ล้วนแล้วแต่เป็นกระดูกสันหลังของกลยุทธ์หรือระบบการลงทุนในรูปแบบต่างๆโดยทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่น

  • Momentum (ความเฉื่อยหรือแนวโน้ม)
  • Contraction-Expansion (ภาวะการหดแคบและยืดออกของกรอบราคา)
  • Price Level (ระดับของราคาหุ้น)
  • Neglect (การกลับมาร้อนแรงหลังจากที่หุ้นถูกลืมหรือหลับไหลไป)
  • Virgin (หุ้นที่ยังอยู่ในวัยเยาว์พึ่งสร้างธุรกิจหรือเข้าตลาดใหม่ๆ)
  • Earning Growth (การเติบโตของผลกำไร)
  • P/E Ratio (อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น)
  • P/CF Ratio (อัตราส่วนราคาต่อเงินสดต่อหุ้น)
  • P/S Ratio (อัตราส่วนราคาต่อยอดขายต่อหุ้น)
  • Size (ขนาดของหุ้น)
  • Volume (การเปลี่ยนแปลงของปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น)
  • อื่นๆ

มีบทความและงานวิจัยหลายๆชิ้นบ่งชี้ว่า หากเราสร้างระบบการลงทุนโดยอิงอยู่กับปรากฏการณ์เหล่านี้นั้น เรามีโอกาสที่จะสามารถสร้างระบบการลงทุนที่จะให้กำไรออกมาได้ในระยะยาวอยู่เป็นอย่างมาก ดังนั้นหากใครกำลังว่างๆลองหาข้อมูลเกี่ยวกับปรากฏการณ์ความไร้เถียรภาพของตลาดเหล่านี้มาลองพิจารณากันดูนะครับ

แมงเม่าคลับ.คอม หนังสือหุ้นน่าอ่าน, วิธีการเล่นหุ้น, การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค, จิตวิทยาการลงทุน และการบริหารเงินทุน Money Management

ถ้าเห็นว่าบทความไหนมีประโยชน์ เพื่อนๆสามารถที่จะนำบทความไปแปะเพื่อแบ่งปันได้โดยไม่มีปัญหา แต่ยังไงขอแรงช่วยลิงค์อ้างอิงกลับมาที่แมงเม่าคลับกันหน่อยนะครับ :D หมายเหตุ : สำหรับการแปะลิงค์ใน Pantip.com ช่วยใส่ Link ให้เป็น http://www.mangmaoclub.com เพื่อให้แปะลงไปได้โดยไม่ Error ขอบคุณครับ :)