ใครเคยมีประสบการณ์ขายหุ้นทิ้งแล้วขึ้นเอาๆบ้าง?? … คุณกำลังคิดว่าเสียใจแต่ไม่แคร์เพราะยังดีกว่าเสียตังค์หรือปล่าวครับ ถ้าใช่แปลว่าคุณไม่รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า Fail-Safe Entry เสียแล้ว! มาอ่านแนวคิดที่ทำให้เราเลิกทำตาปริบๆได้แต่ยืนมองหุ้นวิ่งกันดีกว่าครับ!
อย่าพลาดแนวโน้มใหญ่
หลายๆคนคงรู้จักแนวคิดของการตัดขาดทุนหรือ Stop Loss กันดีอยู่แล้ว (ส่วนจะทำได้หรือไม่ได้อีกเรื่องหนึ่ง 55) อย่างไรก็ตาม แนวคิดที่สำคัญมากๆอีกอย่างหนึ่งของการเล่นหุ้นก็คือการ “ไม่ยอมที่จะพลาดโอกาสในการทำกำไรเมื่อแนวโน้มใหญ่มาถึง”
ถามว่าแนวคิดนี้สำคัญแค่ไหน … คำตอบคือสำคัญมากๆโดยเฉพาะหากระบบการลงทุนของคุณเน้นกินคำใหญ่ๆและไม่ได้เกิดสัญญาณขึ้นอยู่บ่อยครั้ง นั่นเพราะหากว่าคุณเกิดพลาดสัญญาณที่มันเป็นของจริงชนิดทำกำไรได้เป็นหลายเท่าตัวไปเพียงแค่ไม่กี่ครั้งแล้วล่ะก็ ระยะเวลาของการสร้างพอร์ทให้ร่ำรวยของคุณก็จะต้องยืดยาวออกไปอีกจนน่าเสียดายเลยทีเดียว (นอกจากนี้หากคุณพลาดก้อนใหญ่ๆตลอด คุณก็อาจไม่มีกำไรไปกลบการขาดทุนเล็กๆจากการ Stop Loss ด้วย)
… ดังนั้นลองนึกดูนะครับว่าคุณ “เฉียดรวย” มากี่หนแล้วเพียงเพราะคุณปล่อยให้มันหลุดมือไป!
Fail-Safe Entry หรือจุด Buy Stop
จุด Fail-Safe Entry (FSE) คือแผนการณ์ล่วงหน้าของคุณในการที่จะคว้าโอกาสเอาไว้ไม่ให้หลุดมือ มันเปรียบเสมือนกับแผนในการรับประกันโอกาสรวยอย่างหนึ่งของคุณในตลาดหุ้น โดยสิ่งที่เรียกว่า FSE นี้แท้จริงแล้วก็คือการวางจุด Buy Stop เป็นแผนสองในกรณีสำรองที่เราได้ทำผิดพลาดไปแล้วครั้งหนึ่ง ความจริงแล้วนี่ไม่ใช่แนวคิดใหม่แต่อย่างใด และมันก็ได้ถูกใส่เอาไว้ในระบบการลงทุนที่โด่งดังของโลกหลายๆระบบเอาไว้โดยที่เราไม่รู้ตัว
ภาพที่ 1 : สัญญาณจากระบบ Turtle System 1 (ภาพด้านบน – ลูกศรน้ำเงินและส้ม, Channel สีน้ำเงิน) และระบบ Turtle System 1 + 2 (ด้านล่าง – ลูกศรเขียวและแดง, Channel สีเขียว)
ยกตัวอย่างเช่น ทุกคนคงจะรู้จักระบบ Turtle System 1 กันมาบ้างแล้ว (ใครไม่รู้จักลองกลับไปอ่าน บทความเกี่ยวกับ Turtle ที่ผมแปลไว้ดูนะครับ) ซึ่งเมื่อพูดถึงระบบ Turtle System 1 นั้น กฏของมันก็คือ
“เราจะเข้าซื้อเมื่อหุ้นทำจุดสูงสุดใหม่ (New High) หรือ Breakout แนวต้านภายในช่วงเวลา 20 วันที่ผ่านมา โดยมีข้อยกเว้นว่า หากสัญญาณก่อนหน้านั้นจนถึงขณะนี้มีกำไรจะไม่เข้าซื้อ (คือพูดง่ายๆว่าถ้าไม่ใช่วันแรกที่ตลาดเป็นขาขึ้นเราไม่ซื้อ)”
การมีข้อยกเว้นตรงนี้ของระบบ Turtle System 1 ก็เนื่องมาจาก Richard Dennis (ผู้ก่อตั้ง) ต้องการที่จะให้ลูกมือของเขาได้เข้าซื้อแต่สัญญาณที่พึ่งจะบ่งชี้ว่าเป็นการเริ่มต้น Trend ตั้งแต่ไม้แรกซึ่ง Reward-to-Risk Ratio ยังคงสูงอยู่ และหลีกเลี่ยงที่จะเข้าซื้อในไม้ถัดๆไปหากว่าสัญญาณได้เกิดขึ้นมาสักพักหนึ่งแล้ว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก Dennis รู้ดีว่าถึงแม้ตลาดมักจะเกิดการวกกลับลงมาในเวลาไม่นานนัก แต่บ่อยครั้งเช่นกันที่ตลาดก็มักที่จะวิ่งขึ้นไปเรื่อยไม่หยุด และมันก็มักที่จะกลายเป็นแนวโน้มใหญ่แบบ Super Trend ที่ให้กำไรอย่างมหาศาลเอาเสียด้วย
เมื่อลองคำนวนและทำการ Backtest และหักลบกลบหนี้จนเสร็จแล้ว เขาได้ค้นพบว่าการพลาดแนวโน้มใหญ่เพียงครั้งเดียวถือเป็นความเสียหายอย่างมหาศาล (ค่าเสียโอกาส) ที่มากกว่าการขาดทุนจากการโดน Whipsaw ยิบย่อยติดๆกันเสียอีก เขาจึงได้สร้างระบบ Turtle 2 มาเป็น Plan B เอาไว้ซึ่งจะทำการซื้อเมื่อราคาหุ้น Breakout จุดสูงสุดเดิมภายใน 55 วันที่ผ่านมาไม่ว่าสัญญาณของ Turtle 1 หรือ Turtle 2 ก่อนหน้าจะมีกำไรหรือไม่ก็ตาม
และนี่แหละครับ! สิ่งที่ Richard Dennis แนวคิดสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิด System 2 ขึ้นมาก็คือเรื่องของ Fail-Safe Entry หรือ Buy Stop นั่นเอง
Turtle S1 | Turtle S1 + S2 | |
Net Profits | 8,507,497 | 12,463,742 |
% CAGR | 18.29 | 22.38 |
% Sys Max DD. | -37.97 | -36.85 |
ภาพที่ 2 และตารางที่ 3 : เพื่อที่จะทำการเปรียบเทียบให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการมี Fail-Safe Entry ในระบบ ผมได้ทำการทดสอบสัญญาณการซื้อ (Entry) แบบ System 1 เทียบกับ System 1 + System ในหุ้นกลุ่ม SET100 โดยไม่มีจุด Exit แต่จะทำการขายออกเมื่อสัญญาณซื้อเกิดขึ้นผ่านไปเป็นเวลา 20 วันแทน (เพื่อที่จะดูประสิทธิภาพของ Entry เพียงอย่างเดียวโดยไม่มีผลกระทบจาก Exit ของระบบ)
วันนี้คุณมีแผนสำรองกันพลาดโอกาสแล้วหรือยัง!!??
ชัดเจนว่าเรื่องของการได้แต่เห็นหุ้นที่เราขายทิ้งหรือซื้อไม่ทันวิ่งขึ้นไปต่อหน้าต่อตาไม่ใช่เรื่องของดวงเพียงอย่างเดียว! … คุณคงจะเห็นแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นปัญหาหลักๆก็เพราะคุณไม่ได้วาง Fail-Safe Entry เอาไว้ในแผนของคุณต่างหาก นี่คือสิ่งที่ผมอยากให้ทุกๆคน (ไม่ว่าคุณจะลงทุน Style ไหนก็ตาม) ได้กลับไปลองคิดและวางแผนเพิ่มเอาไว้อย่างที่ Richard Dennis ได้ทำกับระบบ Turtle System ของเขานั่นเองครับ