fbpx
วิธีการเล่นหุ้นและวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค

เจ้ามือหุ้นไม่ใช่ปัญหาของนักเก็งกำไร!

Google+ Pinterest LinkedIn Tumblr

White-Lady-3

“ซื้อขายตามกราฟหรือตามสูตรก็มีแต่จะโดนเจ้ามือกิน เพราะมันคือสิ่งที่เจ้ามือทำเอาไว้หลอกหรือดักเรา”

นี่คือความคิดของนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ พวกเขาส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าการลงทุนตามกราฟหรือระบบการลงทุนที่ชัดเจนจะสามารถทำกำไรได้ในระยะยาว และซ้ำร้ายแล้วยังมีแต่จะรอวันโดนเจ้ามือหุ้นเล่นงานเข้าให้จนหมดตัวเสียด้วย

แน่นอนครับว่าเมื่อฟังดูแล้วมันก็ออกจะมีเหตุผลอยู่พอสมควร อย่างไรก็ตาม ผมถือว่านี่เป็นคำพูดของคนที่ไม่ได้รู้จักและเข้าใจในศาสตร์ของการเก็งกำไรกันสักเท่าไหร่นัก ซึ่งผมจะค่อยๆอธิบายให้ฟังกันครับ

กราฟไม่ได้หลอก เพราะไม่ใช่ทุกคนจะมองกราฟและตีความไปในแนวทางเดียวกัน

เหตุผลอย่างแรกของผมเลยก็คือทุกคนไม่ได้ตีความจากกราฟไปในแนวทางเดียวกัน ผมมักจะได้ยินหลายๆคนคุยกันว่าเวลาเกิดสัญญาณซื้อขายขึ้นมาส่วนใหญ่ก็เพราะเจ้ามือทำขึ้นมาหลอกเราทั้งนั้น

ชุดความคิดแบบนี้มี Error ที่เป็นจุดตายอยู่อย่างหนึ่งก็คือคุณกำลังคิดไปเองว่าโลกนี้มีสัญญาณซื้อขายอยู่เพียงสัญญาณเดียว นั่นก็คือสัญญาณที่เจ้ามือเชื่อว่ามันคือสัญญาณและสร้างราคาขึ้นมาเท่านั้น!

แต่หากคุณจะลองคิดให้ดูอีกสักครั้ง คุณจะพบว่าพวกเราแต่ละคนนั้นแทบจะไม่มีใครมองกราฟเหมือนกันเป๊ะๆเลยด้วยซ้ำ (แม้กระทั่งระบบการลงทุนของแต่ละคนก็ไม่ได้มีจุดเข้าออกหรือเงื่อนไขการคัดเลือกหุ้นที่เหมือนกัน) แนวโน้มหุ้นของแต่ละคนที่สรุปออกมาจากกราฟนั้นแทบไม่มีทางตรงกัน, พร้อมกันและเกิดขึ้น ณ จุดเดียวกันตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นแล้วตลาดจะไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นเนื่องจากไม่มีใครที่คิดต่างกัน

นี่คือเหตุผลข้อแรกที่ผมจะขอยกมาค้านว่า เจ้ามือไม่ใช่ปัญหาของนักเก็งกำไร กราฟไม่ได้มีเอาไว้เพื่อให้คุณโดนหลอก และอันที่จริงก็ไม่มีเจ้ามือคนไหนจะมานั่งหลอกหรือพยายามหลอกคุณเพียงแค่คนเดียวอยู่ตลอดเวลา เจ้ามือเองก็ไม่สามารถรู้จนครบได้หรอกครับว่าพวกคุณแต่ละคนในตลาดรอสัญญาณจากเครื่องมืออะไรอยู่ พวกเขาเองก็ไม่ได้ต่างกับเราในจุดที่ว่าต้องลอง Bet เพื่อแหย่ตลาดดูอาการตอบสนองของคนส่วนใหญ่เช่นกัน และก็แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกครั้งที่การซื้อขายของพวกเขาจะมีกำไรอย่างที่เราคิด

ดังนั้นแล้ว สัญญาณการซื้อขายตามกราฟในแต่ละครั้งของคุณจริงๆจึงไม่ได้เกิดจากเจ้ามือ แต่มันคือเงาสะท้อนซึ่งเกิดจากความเชื่อและมุมมองของคุณซึ่งมีต่อกราฟในรูปแบบต่างๆ และตรงนี้ก็จะกลายเป็นประสิทธิภาพของระบบการลงทุนนั้นๆซึ่งจะบ่งชี้ถึงผลกำไรในอนาคตของคุณอย่างแท้จริง

รากเหง้าของผลกำไรจากระบบการลงทุนที่ยั่งยืน เกิดจากกลไกพื้นฐานของตลาดซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนไม่สามารถฝืนหรือหลีกเลี่ยงได้

มีแต่คนที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับใช้กราฟหรือการสร้างระบบการลงทุนเท่านั้นที่คิดว่าพวกเขาจะโดนเจ้ามือกินจนเจ๊ง นั่นก็เพราะเบื้องหลังของวิธีการลงทุนที่ดีและยั่งยืนทุกระบบนั้นเกิดขึ้นจากการวางตัวให้สอดคล้องไปกับกลไกพื้นฐานของตลาดซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ต่างหาก (ไม่ว่าจะเป็นการเก็งกำไรตามวิจารณ์ญาณหรือตามระบบการลงทุนก็ตาม)

แล้วอะไรคือตัวอย่างของกลไกพื้นฐานของตลาดหุ้นคืออะไรน่ะหรือครับ?

ตัวอย่างก็เช่น เราจะพบว่าการที่สภาวะของตลาดหุ้นจะเอื้อต่ำการทำกำไรและกลายเป็นขาขึ้นมาได้นั้น ตลาดจะต้องมีหุ้นที่แข็งแกร่งและสดใหม่ขึ้นมานำตลาดเป็นจำนวนหนึ่งอยู่เสมอ ซึ่งหุ้นเหล่านี้ก็มักที่จะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานในขณะนั้นที่ดีเอามากๆจนเรียกได้ว่าอยู่ในจุด Peak ของมันเลยทีเดียว และแน่นอนว่านั่นทำให้ราคาของพวกมันมักจะคลอเคลียหรือวิ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อยู่เสมอ (หรือที่พวกเรามักเรียกกันในภาษากราฟว่าหุ้น All Time High) และนี่ก็คือตัวอย่างหนึ่งของสิ่งที่พวกเราควรจะมองหาและวางระบบการลงทุนให้สอดคล้องกับพวกมันเอาไว้!

SET

จำนวนหุ้นที่ทำจุดสูงสุดใหม่ All Time High และมีปริมาณการซื้อขายโดยเฉลี่ยมากกว่า 1 ล้านบาท/เดือน เปรียบเทียบกับแนวโน้มของตลาดหรือ SET Index วัดจาก PnT Indicator 1%

image

ตัวอย่างผลการลงทุนจากระบบ ATH System ซึ่งทำการซื้อหุ้นเมื่อทำจุดสูงสุด All Time High และตัดขาดทุนเมื่อแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไป เปรียบเทียบกับผลตอบของ SET index เมื่อลงทุนด้วยเงินทุนเริ่มต้นเท่าๆกันที่ 1 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 4/1/2000 – 16/11/2012

จากภาพแรกนั้นคุณจะเห็นได้ว่าเมื่อตลาดหุ้น SET Index เป็นขาขึ้น เราจะพบว่าจำนวนของหุ้นที่ทำจุดสูงสุดใหม่แบบ All Time High จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นและลดลงอย่างชัดเจนเมื่อตลาดเป็นขาลง ซึ่งเมื่อเราได้วางระบบการลงทุนให้สอดคล้องกับกลไกพื้นฐานของตลาดในรูปแบบนี้ ระบบการลงทุนง่ายๆนี้ก็สามารถที่จะทำกำไรออกมาจากตลาดได้อย่างยั่งยืนมาตลอด นี่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยเพียงอย่างเดียว แต่พวกมันคือปรากฏการณ์ซึ่งเกิดขึ้นในตลาดหุ้นทั่วโลกมาอย่างยาวนาน นั่นก็เพราะมันคือสิ่งที่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นจากกลไกพื้นฐานของตลาดหุ้นซึ่งไม่มีเจ้ามือคนไหนจะต้านทานได้

นอกจากนี้ตารางสรุปผลการเทรดของระบบ เราจะพบว่าระบบการลงทุนมีจำนวนการซื้อขายเกิดขึ้นถึงกว่า 700 ครั้ง และถ้าคุณคิดว่าเจ้ามือจะตามราวีคอยจ้องมองหาและดักทางเพื่อทุบหุ้นจากสัญญาณการซื้อขายของคุณทุกๆครั้ง ผมคิดว่าคุณอาจกำลังวิตกจริตจริงๆและผมก็คงจะไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้จริงๆครับ (จริงแล้วถ้าเจ้ามือจะดันหุ้นมาดักเราทุกครั้งได้ก็ทำไปเหอะนะ อิอิ)

เจ้ามือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นของนักเก็งกำไรทุกคนคือสภาวะของตลาด

นี่คือสิ่งที่คุณควรสนใจจริงๆ มันคือกฏที่คุณจะต้องเข้าใจ … และถ้ายังไม่เข้าใจคุณก็จะค่อยๆสะสมชั่วโมงบินในตลาดจนเข้าใจไปเองในที่สุด ผมเองเชื่อว่ากฏธรรมชาติข้อนี้คือกฏที่พวกเราทุกคนในตลาดไม่อาจหนีพ้นไปได้ไม่เว้นแม้แต่เจ้ามือหุ้น

เหตุผลก็เพราะว่าถึงแม้ใครจะเป็นเจ้ามือปั่นหุ้นที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วถ้าตลาดไม่เอื้ออำนวยพวกเขาก็จะไม่สามารถล่อหลอกใครให้มาซื้อมาขายได้สักเท่าไหร่นัก จริงอยู่ว่าเจ้ามืออาจปั่นราคาขึ้นมาได้แต่เจ้ามือก็ไม่ใช่พระเจ้า ถ้าตลาดไม่ดีหรือแนวโน้มของหุ้นตัวนั้นไม่ดึงดูดจริงๆพวกเขาก็จะต้องติดหุ้นไปเองในที่สุด

ด้วยเหตุนี้เองแนวโน้มของตลาดหรือหุ้นจึงเป็นเจ้ามือหุ้นตัวจริงของพวกเรา เจ้ามือหุ้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทุบหุ้นให้เละเมื่อตลาดยังคงเอื้ออำนวยต่อการทำกำไรของพวกเขา ผมเองเชื่อว่าด้วยการที่เรารู้จักวางตนให้ลงรอยไปในทิศทางเดียวกับตลาดอยู่เสมอและตัดขาดทุนเมื่อแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไป การกระทำเหล่านี้จะช่วยให้พอร์ทของคุณค่อยๆเติบโตขึ้นไปตามกาลเวลาโดยอัตโนมัติ (ถ้าคุณไม่สติแตกเสียวินัยไปเสียก่อน)

Short Note : แม้ว่าเจ้ามือจะดูยิ่งใหญ่แค่ไหนในสายตาของเรา แต่พวกเขาก็เป็นเพียงแค่คนกลุ่มเล็กๆกับเงินทุนที่ไม่มากสักเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับสถาบันการเงินหรือกองทุนยักษ์ใหญ่ซึ่งมีอำนาจและผลกระทบกับตลาดโดยรวมจริงๆ เจ้ามือหุ้นปั่นจึงยังคงไม่สามารถที่จะปั่นหรือควบคุมสภาวะตลาดโดยรวมเอาไว้ให้เป็นประโยชน์กับตนเองได้

นี่หมายความว่าผมกำลังบอกว่า “เจ้ามือ” ที่แท้จริงคือสถาบันหรือกองทุนยักษ์ใหญ่พวกนี้หรือไม่?

ในมุมมองของผมนั้น คำตอบก็คือทั้งใช่และไม่ใช่ คำตอบที่ว่าใช่ก็คือแน่นอนว่าสภาวะของตลาดโดยรวมส่วนใหญ่คือผลลัพท์จากทิศทางการซื้อขายของพวกเขา ส่วนที่ไม่ใช่ก็คือพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะฝืนสภาวะของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นหรือพื้นฐานของกิจการจริงๆไปได้เช่นเดียวกัน (และก็ไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาต้องทำเช่นนั้นด้วย) อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการซื้อขายของพวกเขาก็ยังคงไม่ใช่สิ่งที่อันตรายและน่ากลัวจนตั้งรับไม่ทันด้วยเช่นกันเนื่องมาจากขนาดของเม็ดเงินที่ใหญ่จึงทำให้พวกเขาต้องค่อยๆทยอยซื้อทยอยขาย จนเกิดเป็นแนวโน้มของตลาดซึ่งเราสามารถเห็นกันได้อย่างชัดเจนนั่นเอง

คุณคือผู้กำหนดผลการลงทุนของคุณเองในระยะยาวไม่ใช่เจ้ามือหุ้น

ผมเชื่อว่าหลังจากที่ผมเขียนมาถึงตรงนี้ ก็คงยังจะมีอีกหลายๆคนที่จะพูดกลับมาว่า “แต่ก็มีนักลงทุนหลายๆคนที่ซื้อหุ้นตามกราฟแล้วขาดทุนเพราะหุ้นโดนทุบจนแทบหมดตัวไม่ใช่หรือ?” ผมเองก็หวังว่ามันคงจะไม่ใช่คำพูดที่แรงเกินไปถ้าผมจะพูดว่านั่นเป็นปัญหาของนักเก็งกำไรที่อ่อนหัดเท่านั้น

ที่ผมต้องพูดว่ายังอ่อนหัดนั่นก็เพราะนักเก็งกำไรที่ช่ำชองนั้นจะต้องรู้ถึงขอบเขตและความเสี่ยงของพวกเขาอยู่เสมอ พวกเขาจะต้องรู้ว่าสัญญาณต่างๆที่เกิดขึ้นจากกราฟนั้นเป็นเพียงการพยายามหาช่องทางในการทำกำไรจากความไร้ประสิทธิภาพของตลาด (Market Annomalies) ซึ่งสามารถยืนยันได้อย่างมีมีนัยสำคัญจากผลทางสถิติในอดีตที่ผ่านมา สัญญาณต่างๆไม่ใช่ Holy Grail ที่จะต้องถูกต้องแม่นยำตลอดเวลาและไม่มีใครการันตีได้ว่าคุณจะไม่ขาดทุน เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่กราฟหรือ Technical Analysis นั้นถูกออกแบบมาเลย

คุณจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าสัญญาณซื้อขายต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นในกราฟนั้น คือเครื่องมือที่ถูกนำมาช่วยให้เรามีกำไรสุทธิเป็นบวกจากตลาดในระยะยาว แต่ไม่ได้จำเป็นว่ามันจะต้องถูกหรือช่วยพยากรณ์อนาคตได้เสมอ ซึ่งนั่นก็จะนำไปสู่ความเข้าใจถึงการควบคุมความเสี่ยงอย่างเหมาะสม (ผ่าน Risk-Money Managmenet) โดยเมื่อกลไกในการควบคุมความเสี่ยงได้ถูกนำมาปรับใช้กับระบบการลงทุนใดๆแล้วล่ะก็ โอกาสที่คุณจะขาดทุนจนแทบหมดตัวจากการโดนทุบหุ้นในแต่ละครั้งจะเป็นไปแทบไม่ได้เลยเพราะคุณจะไม่มีวันถือหุ้นอยู่เพียงตัวเดียวหรือ 2-3 ตัวอีกต่อไป นอกจากนี้แล้วแรงเหวี่ยงหรือผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากการโดนทุบโดนลากก็จะถูกประเมินและคำนวณเอาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วด้วยซ้ำ

สำหรับนักเก็งกำไรผู้รู้งานนั้น ผลกำไร-ขาดทุนจากการเทรดในแต่ละครั้งจะไม่ใช่สิ่งที่มีผลสำคัญสำหรับพวกเขา พวกมันคือหนึ่งในผลลัพท์ที่เกิดขึ้นจากระบบการลงทุนของพวกเขาเพียงเท่านั้นเอง ข่าวดีก็คือกระบวนการจัดการความเสี่ยงทั้งหลายเหล่านี้นั้นเจ้ามือหุ้นแทบไม่สามารถที่จะเข้ามาบังคับการวางแผนการต่างๆของคุณได้เลยและนี่ก็คือเหตุผลที่ผมจึงกล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่า

“เจ้ามือหุ้นไม่ใช่ปัญหาของนักเก็งกำไร” นั่นเองครับ

ถ้าเห็นว่าบทความไหนมีประโยชน์ เพื่อนๆสามารถที่จะนำบทความไปแปะเพื่อแบ่งปันได้โดยไม่มีปัญหา แต่ยังไงขอแรงช่วยลิงค์อ้างอิงกลับมาที่แมงเม่าคลับกันหน่อยนะครับ :D หมายเหตุ : สำหรับการแปะลิงค์ใน Pantip.com ช่วยใส่ Link ให้เป็น http://www.mangmaoclub.com เพื่อให้แปะลงไปได้โดยไม่ Error ขอบคุณครับ :)