ผมเชื่อว่าคุณสมบัติหนึ่งที่นักเล่นหุ้นชั้นเซียนทุกคนต้องมีก็คือความอึด … นั่นก็เพราะเกมการลงทุนไม่ใช่สิ่งที่โรยไปด้วยกลีบกุหลาบอยู่เสมอ และสิ่งที่มักจะแฝงอยู่ตามทางเดินของการลงทุนก็คือแรงฉุดกระแทกที่มักจะบีบคั้นหัวใจของพวกเราอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมันก็คือสิ่งที่เรียกว่า Drawdown นั่นเองครับ
“ถึงแม้ว่ามันจะมีช่วงเวลาที่คุณจะสามารถทำกำไรจากการลงทุนหรือจากการเก็งกำไรในตลาดหุ้นอยู่เสมอ แต่คุณก็ไม่สามารถที่จะทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอในทุกๆวันหรือทุกๆสัปดาห์ในแต่ละปี และจะมีแต่คนโง่ไร้สติเท่านั้นที่พยายามจะทำมัน เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจะทำได้และไม่เคยเกิดขึ้นจริง”
Jesse Livermore ตำนานแห่ง Wallstreet
Drawdown คืออะไร?
ก่อนที่จะว่ากันถึงเรื่องของความอึดในการลงทุน ผมคงต้องพูดถึงมันสักนิดเผื่อว่าอาจมีเพื่อนๆบางคนที่ยังไม่เข้าใจหรืออาจเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อความหมายของ Drawdown กัน โดยหากจะพูดกันแบบง่ายๆสั้นๆแล้ว Drawdown ก็คือตัวบ่งชี้อย่างหนึ่งถึงความเสี่ยงในการลงทุนของเรานั่นเอง ซึ่งโดยทั่วๆไปแล้วมันก็คือตัวเลขที่ได้มาจากการวัดถึง “ระดับของการลดลงของเงินทุนจากจุดสูงสุด (Historical Peak) ที่เคยเกิดขึ้นมาตลอดระยะเวลาในการลงทุน” ดังรูปด้านล่างนี้
ความน่าสนใจของ Drawdown
ถึงแม้ว่าช่วงเวลาของ Drawdown ในการลงทุนนั้นจะสามารถเกิดขึ้นมาได้จากหลายๆสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นจากการขาดทุนติดๆกันหรือแม้กระทั่งการขาดทุนโดดๆครั้งใหญ่จนความเสียหายนั้นลึกมากๆ อย่างไรก็ตาม เหตุผลหลักๆของพวกมันก็คือการที่ระบบการลงทุนหรือวิธีการลงทุนของเรานั้นเกิดความ “ไม่ลงรอย” กับตลาดในช่วงเวลาหนึ่งๆ (ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมชาติ) นั่นทำให้ Drawdown กลายเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้อย่างสมบูรณ์ไม่ว่าคุณจะมีวิธีการลงทุน เพราะไม่มีใครรู้ว่าตลาดจะทำตัวหรือคิดอย่างไรอยู่ตลาดเวลา นี่จึงทำให้เรื่องของ Drawdown เป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนทุกคน โดยที่ประเด็นสำคัญหลักๆที่เราควรต้องคำนึงถึงอยู่เสมอเกี่ยวกับพวกมันก็คือ
- ความลึกของ Drawdown ที่เคยเกิดขึ้นและอาจเกิดขึ้นอีก
- ความยาวนานของ Drawdown ที่เคยเกิดขึ้นและอาจเกิดขึ้นอีก
ทำไมน่ะหรือครับ? … นั่นก็เพราะว่ามันคือตัวแปรสำคัญที่มักจะทำให้นักลงทุนหลายๆคนต้องเจ็บปวดจนถอดใจจากหลักการลงทุนที่ดีไปนั่นเอง
คุณอึดแค่ไหน?
อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้วตั้งแต่ตอนต้นว่า ผมเชื่อว่าคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่นักลงทุนชั้นเซียนแทบทุกคนต้องมี (โดยที่พวกเขาจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม) ก็คือความอึด … ใช่ครับ! ไม่ใช่แค่วินัยแต่เป็นความอึด!! มันคือความอึดที่จะอดทนอยู่กับช่วงเวลาเลวร้ายเหล่านี้โดยไม่เสียศูยน์จากหลักการลงทุนที่ดีไป โดยสาเหตุที่ผมต้องถือว่ามันเป็นความลับของนักลงทุนชั้นยอดเหล่านี้ก็เพราะว่า
ถึงแม้ว่านักลงทุนส่วนใหญ่ (Mass) จะฉลาดหรือมีความรู้ดีสักแค่ไหน แต่พวกเขาก็มักประเมินถึงความรุนแรงและความยาวนานของ Drawdown ที่จะเกิดขึ้นในการลงทุนต่ำจนเกินไปเป็นอย่างมาก
นั่นทำให้พวกเขาประมาทหรือไม่เคยที่จะเตรียมตัวเตรียมใจไว้สำหรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นสักเท่าไหร่นัก และเมื่อช่วงเวลาที่ Drawdown ได้เข้ามาถึง ผลที่เกิดขึ้นก็คือ … อาการจุกกกกก!!! ความพะอืดพะอมจากการลงทุนในแบบที่พวกเราส่วนใหญ่รู้จักกันดีนั่นแหละครับ
Drawdown กับการลงทุนในรูปแบบต่างๆ
เพื่อที่จะช่วยให้หลายๆคนได้จินตนาการถึงผลกระทบของมันได้ดียิ่งขึ้น รูปและตารางด้านล่างที่เราจะได้เห็นกันต่อไปนี้นั้น จะแสดงให้เห็นถึงแง่มุมต่างๆของ Drawdown ซึ่งเคยเกิดขึ้นกับการลงทุนในรูปแบบต่างๆที่ผมเคยนำมาพูดถึงกันบ่อยๆนั่นก็คือ
กราฟแสดงการเติบโตของเงินทุนจากระบบการลงทุนในรูปแบบต่างๆตั้งแต่วันที่ 12/1/1990 – 30/12/2011 ด้วยเงินทุนเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาท ซึ่งล้วนแต่ให้ผลตอบแทนทบต้น CAGR กว่า 25% ต่อปีขึ้นไป
- Turtle System 2 – ตัวแทนของระบบ Trend Following กับหุ้นใน SET100
- Mangmao Flow System – ซึ่งจะทำกวาดซื้อหุ้นใน SET100 เมื่อตลาดเป็นขาขึ้นและขายออกทั้งหมดพร้อมๆกันเมื่อเป็นขาลง
- RS Rotational System – ซึ่งจะทำการสับเปลี่ยนตัวเล่นในทุกๆอาทิตย์ไปยังหุ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในSET100 อยู่เสมอ
อย่างไรก็ตามในผลการทดสอบครั้งนี้นั้น ผลกำไรต่างๆจะไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไหร่นัก เพราะสิ่งที่ผมได้เก็บข้อมูลย้อนหลังไปกว่า 20 ปีและต้องการที่จะนำออกมาให้ดูกันก็คือค่าของ
- Average Drawdown – มูลค่าของ Drawdown โดยเฉลี่ยตลอดการลงทุน
- Maximum Drawdown – มูลค่าสูงสุดของ Drawdown ที่เคยเกิดขึ้น
- Average Drawdown Length – ระยะเวลาที่ Drawdown มักจะเกิดขึ้นโดยเฉลี่ย (bars)
- Maximum Drawdown Length – ระยะเวลาที่ Drawdown เคยเกิดขึ้นติดต่อกันนานที่สุด (bars)
เอาล่ะครับ! เราลองมาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง!?
ระบบ | AverageDD. | MaxDD. | MaxDD. Length | AverageDD. Length |
Buy n Hold (BRK-A) | -12.29% | -51.47% | 1,353 | 325.49 |
Turtle 2 SET100 | -13.31% | -53.42% | 993 | 149.90 |
MangmaoFlow SET100 | -10.91% | -38.08% | 1,000 | 155.81 |
ROC Rotational SET100 | -13.95% | -43.34% | 1,174 | 181.00 |
ตารางแสดงค่า Drawdown ที่เกิดขึ้นในลักษณะต่างๆจากระบบ/วิธีการลงทุนในรูปแบบที่แตกต่างกันตั้งแต่วันที่ 12/1/1990 – 30/12/2011
ปล. ตารางด้านบนนี้ ผมได้เพิ่มเอาค่า Drawdown ซึ่งจะเกิดขึ้นหากว่าคุณทำการถือหุ้น Birkshire Hathaway Class A (BRK-A) ของ Warren Buffet เต็ม 100% ของพอร์ท เพื่อเป็น Benchmark ของ Performance จากผลการลงทุนจริงๆ แทนที่จะมาจากผล Backtest จากระบบการลงทุนในรูปแบบต่างๆ
จากตารางด้านบนนี้คุณคงจะเห็นกันได้อย่างชัดเจนแล้วว่า ถึงแม้ว่าผมจะเลือกเอาระบบการลงทุนหรือการลงทุนในลักษณะที่ให้ผลตอบแทนอย่างมหาศาลมาให้ดูกันนั้น แต่พวกมันก็ไม่ได้เป็นหลักประกันได้เลยว่าคุณจะไม่เจอกับ Drawdown ที่หนักหน่วงและยาวนานใดๆทั้งสิ้น ซึ่งอันที่จริงแล้ว ผมเชื่อว่ามันคือสิ่งที่เกินกว่าที่หลายต่อหลายคนได้คาดคิดไปเสียด้วยซ้ำ
การเติบโตของราคาหุ้น Birkshire Hathaway Class-A (BRK-A), Average Drawdown, Maximum Drawdown ตั้งแต่วันที่ 12/1/1990 – 30/12/2011
สำหรับการถือหุ้น Berkshire Hathaway (BRK-A) แบบ Buy and Hold นั้น หากมองเฉพาะแต่ Capital Gain แล้ว ถึงแม้ตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมาจะทำให้เงินทุนของคุณเติบโตขึ้นกว่า 15 เท่า (ซึ่งอาจถือว่าสูงมากๆสำหรับนักลงทุนหลายๆคน) แต่เมื่อเราลองมองไปยังค่าของ Drawdown ต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างการลงทุนนั้น ผมเองก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าต่อให้คนส่วนใหญ่จะเชื่อมือ Warren Buffet สักแค่ไหน แต่จะมีสักกี่คนที่ศรัทธาเขาขนาดที่ทนกับแรงกดดันจาก Drawdown ที่เกิดขึ้นได้โดยไม่สูญเสียความเชื่อมั่นจนขายหุ้นทิ้งไป เพราะนั่นหมายถึงว่าพวกเขาต้องสามารถทนกับการนั่งดูมูลค่าของหุ้น BRK-A สูญหายไปกว่าครึ่งหนึ่งภายในช่วงเวลาสั้นๆในปี 2008 (MaxDD. – 51.47%) รวมถึงใจนิ่งขนาดที่จะทนไม่เห็นมูลค่าของมันเพิ่มขึ้นสูงกว่าเดิมหรือ Historical High ถึงราวๆ 5.4 ปีเลยทีเดียว (MaxDD. Length – 1353 bars/250 bars = 5.4)
ในส่วนของระบบการลงทุนต่างๆที่ผมเคยได้นำมันมาอ้างอิงถึงบ่อยๆนั้น (จากการที่ผิดคิดว่าเป็นระบบที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนและปฏิบัติได้จริงสำหรับนักลงทุนรายย่อย) ถึงผลตอบแทนและค่า Drawdown ในมุมต่างๆจะดีกว่าตัวอย่างจากหุ้น BRK-A (แน่นอนล่ะครับ! ก็เพราะมันเป็นผล Backtest ในเชิงทฤษฏีเท่านั้น) แต่เราก็ยังจะเห็นได้ว่าตลอด 20 ปีที่ผ่านมาระบบทั้ง 3 ยังต้องเจอกับ MaxDD. ที่สูงกว่า 38% ขึ้นไปและ MaxDD. Length ที่ยาวนานกว่า 4 ปีเช่นกัน!!
อย่างนี้ถ้าจะให้มีวินัยทำตามระบบได้ตลอดเวลาและยาวนานผ่านร้อนผ่านหนาวขนาดนี้ ถ้าไม่เรียกว่าต้องใช้ความอึดแล้วจะเรียกว่าอะไรจริงไหมครับ ^_^
ความอึด … ความลับของการลงทุน
จากข้อมูลเบื้องต้นที่ที่ผ่านมานั้น เราคงจะเห็นกันได้อย่างชัดเจนแล้วว่าเรื่องของวินัยคงไม่ใช่สิ่งที่เพียงพอเสียแล้ว ความอึด!! คือส่วนสำคัญของสมการความสำเร็จในการลงทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะเล่นสั้นเล่นยาวหรือเล่นตามระบบ Drawdown คือช่วงเวลาที่คุณต้องรู้จักอดทนกับมัน อย่าประเมินความรุนแรงและยาวนานของมันจนต่ำเกินไป (รวมถึงอย่าได้ประเมินความทรหดของคุณจนมากเกินไปด้วย)
จำไว้ว่า Drawdown ที่เกิดขึ้นนั้นมักจะยาวนานและหนักหน่วงกว่าที่เราคิดเสมอ ในเชิงความน่าจะเป็นแล้วยิ่งเราลงทุนไปอีกนานเท่าไหร่ก็ต้องถือว่า MaxDD. นั้น Not Yet To Come หรือยังมีโอกาสจะเกิดแรงกว่าเดิมอยู่ตลอดเวลาเสียด้วยซ้ำ เราจึงต้องแบกรับความเสี่ยงให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเสมอทั้งทางระบบการลงทุนและจิตใจของเรา อย่ามองการลงทุนหรือการเก็งกำไรเป็นเรื่องของการรวยทางลัดแบบเท่ห์ๆเพราะมันไม่จริง (คนที่มองอย่างนี้ถ้าไม่ต้องการล่อแมงเม่าก็คงต้องเรียกว่าหลงผิด) แม้แต่นักลงทุน/กองทุนระดับโลกหลายๆกองก็ยังไม่ได้ทำกำไรได้ในทุกๆเดือนหรือทุกๆปี ทุกอย่างย่อมต้องใช้เวลาบ่มเพาะผลลัพท์ของมันด้วยกันทั้งสิ้น และนี่ก็คือเรื่องที่ผมอยากฝากไว้ให้กับทุกๆคนในบทความนี้ครับ
—————————————————————————————————————-
ขอบคุณทุกๆ Comment ในแมงเม่าคลับ ที่ทำให้ผมอ่านแล้วมีกำลังใจเขียนต่อครับ!