fbpx
หลักการบริหารเงินทุน Money Management

Sequence of the outcome misconception : ลำดับของผลการซื้อขายที่เกิดขึ้นนั้น สำคัญไฉน

Google+ Pinterest LinkedIn Tumblr

ลำดับของผลกำไรจากการเล่นหุ้น ลำดับของผลการซื้อ-ขายที่เกิดขึ้นนั้น สำคัญไฉน?

สิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดไปโดยไม่ตั้งใจในการเล่นหุ้นก็คือ เรื่องผลกระทบจาก “ลำดับ” ของผลจากการซื้อขายที่เกิดขึ้นตามระบบ สิ่งนี้กลายเป็นอุปสรรคในการทำตามระบบไปโดยอัตโนมัติ วันนี้ผมจะแสดงให้เห็นถึงผลของ “ลำดับ” ที่เกิดขึ้นว่า มันมีผลต่อผลกำไรที่ปลายทางอย่างไร และทำไมความเข้าใจถึงสิ่งนี้จึงมีผลกระทบต่อ “วินัย” ของเราครับ

 

 

 

แนวคิดสำคัญอย่างหนึ่งที่เราควรต้องเข้าใจก็คือ

ภายใต้ผลลัพธ์ของซื้อขายที่เกิดขึ้นหลายๆครั้งติดกันนั้น การเปลี่ยนแปลงของ “ลำดับ” หรือผลการซื้อ-ขายที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง ไม่มีผลต่อกำไรสุทธิที่ปลายทางของมัน ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นทั้งในการลงทุนแบบ Non reinvestment (ไม่เอากำไรกลับไปลงทุนใหม่) และ Reinvestment (นำกำไรที่ได้กลับไปลงทุนใหม่อีก)

ตารางข้างล่างจะแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์สุดท้าย ซึ่งนั่นก็คือกำไรสุทธิจากการซื้อ-ขายทั้งหมด 4 ครั้ง ของทั้งการลงทุนแบบ Non reinvestment และ Reinvesment จากระบบการลงทุนรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีความแม่นยำที่ 50% โดยจะได้กำไรครั้งละ 50% และขาดทุนครั้งละ 40% ของเงินเดิมพัน (ในที่นี้คือ bet เงินทั้งกองที่เรามี)

Sequence หรือลำดับของผลกำไรที่เกิดขึ้น แบบที่หนึ่ง :

No Reinvestment

With Reinvestment

ลำดับการซื้อขาย

กำไร-ขาดทุน

เงินทุนที่เหลืออยู่

กำไร-ขาดทุน

เงินทุนที่เหลืออยู่

100

100

1

-40

60

-40

60

2

50

110

30

90

3

-40

70

-36

54

4

50

120

27

81

.

Sequence หรือลำดับของผลกำไรที่เกิดขึ้น แบบที่สอง :

No Reinvestment

With Reinvestment

ลำดับการซื้อขาย

กำไร-ขาดทุน

เงินทุนที่เหลืออยู่

กำไร-ขาดทุน

เงินทุนที่เหลืออยู่

100

100

1

50

150

50

150

2

-40

110

-60

90

3

50

160

45

135

4

-40

120

-54

81

.

Sequence หรือลำดับของผลกำไรที่เกิดขึ้น แบบที่สาม :

No Reinvestment

With Reinvestment

ลำดับการซื้อขาย

กำไร-ขาดทุน

เงินทุนที่เหลืออยู่

กำไร-ขาดทุน

เงินทุนที่เหลืออยู่

100

100

1

50

150

50

150

2

50

200

75

225

3

-40

160

-90

135

4

-40

120

-54

81

.

Sequence หรือลำดับของผลกำไรที่เกิดขึ้น แบบที่สี่ :

No Reinvestment

With Reinvestment

ลำดับการซื้อขาย

กำไร-ขาดทุน

เงินทุนที่เหลืออยู่

กำไร-ขาดทุน

เงินทุนที่เหลืออยู่

100

100

1

-40

60

-40

60

2

-40

20

-24

36

3

50

70

18

54

4

50

120

27

81

.

จากที่เราได้เห็นกันนั้น จะเห็นได้ว่าผลของการเปลี่ยนแปลงลำดับนั้น ไม่ได้ทำให้ผลลัพธ์สุดท้าย (กำไรสุทธิ) เปลี่ยนแปลงไปเลย ไม่ว่าเราจะมองจากทั้งในแง่ของ Non Reinvestment หรือแบบ Reinvestment ครับ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปคือ Maximum Drawndown หรือการลดลงของเงินทุนที่มากที่สุดระหว่างการการเล่น ตามตารางด้านล่างนี้ครับ

Sequence หรือลำดับของผลกำไรที่เกิดขึ้นแบบที่ 1

No Reinvestment

Reinvestment

100 เหลือ 60 = 40 (40%)

100 เหลือ 54 = 46 (46%)

Sequence หรือลำดับของผลกำไรที่เกิดขึ้นแบบที่ 2

No Reinvestment

Reinvestment

150 เหลือ 110 = 40 (27%)

150 เหลือ 81 = 69 (46%)

Sequence หรือลำดับของผลกำไรที่เกิดขึ้นแบบที่ 3

No Reinvestment

Reinvestment

200 เหลือ 120 = 80 (40%)

225 เหลือ 81 = 144 (64%)

Sequence หรือลำดับของผลกำไรที่เกิดขึ้นแบบที่ 4

No Reinvestment

Reinvestment

100 เหลือ 20 = 80 (80%)

100 เหลือ 36 = 64 (64%)

.

จากผลในตารางที่เกิดขึ้นนั้น เราจะเห็นได้ว่าการ Reinvest (นำกำไรกลับไปลงทุนใหม่) นั้น ไม่สามารถที่จะทำให้ผลของ Drawdown ที่เกิดขึ้นดีกว่าการ Non Reinvest (ไม่นำกำไรกลับไปลงทุน) ได้เลย อย่างไรก็ตาม ข้อดีของมันคือการที่ Drawdown จะลดน้อยลงเรื่อยๆเมื่อเกิดการขาดทุน เนื่องจากเงินทุนที่น้อยลงนั่นเอง และการ Reinvestment นั้นจะช่วยให้เงินทุนเติบโตเร็วกว่า Non Reinvestment เพราะเป็นผลมาจากการทบต้นของเงินทุน + กำไรนั่นเอง

ดังนั้น เมื่อเราได้เข้าใจแล้วว่า :

1.ลำดับของผลการลงทุน ไม่มีผลต่อกำไรสุทธิที่ปลายทาง

2.แม้กำไรสุทธิไม่เปลี่ยน แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ Drawdown

เราจึงควรที่จะเข้าใจและมั่นใจได้ว่า หากว่าระบบการลงทุนของเรานั้นมี Expectancy (กำไรคาดหวัง) ที่เป็นบวก และเราไม่ bet ในแต่ละครั้งหนักจนเกินไป เรามีโอกาสอย่างสูงที่จะกลับมาทำกำไรได้อย่างมากมายเช่นเดิม ไม่ว่าเราจะเจอกับ Sequence ในรูปแบบไหนก็ตาม (เช่น เจอกับการขาดทุนติดๆกันหลายครั้ง ก่อนที่จะเริ่มมีกำไร) ดังนั้น การมีวินัยต่อสัญญาณการซื้อขายในทุกๆครั้งจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะไม่เช่นนั้นระบบการลงทุนอาจจะล่มได้เพราะตัวเราเอง และอีกอย่างก็คือระบบ Money Management ในส่วนของ Position Sizing หรือขนาดในการ bet แต่ละครั้งจะมีผลเป็นอย่างสูงต่อ “วินัย” ในการที่จะทำตามระบบการลงทุนได้เป็นอย่างดี เพราะหากว่าเราเดิมพันมากไปในแต่ละครั้ง เราอาจไม่สามารถที่จะทนต่อ Drawdown ที่เกิดขึ้นในทางที่แย่ที่สุดก็ได้ (Maximum Drawdown) และนี่คือสิ่งสำคัญที่เราต้องจำไว้ให้ดีครับ :D

แมงเม่าคลับ.คอม หนังสือหุ้นน่าอ่าน, วิธีการเล่นหุ้น, การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค, จิตวิทยาการลงทุน และการบริหารเงินทุน Money Management

ถ้าเห็นว่าบทความไหนมีประโยชน์ เพื่อนๆสามารถที่จะนำบทความไปแปะเพื่อแบ่งปันได้โดยไม่มีปัญหา แต่ยังไงขอแรงช่วยลิงค์อ้างอิงกลับมาที่แมงเม่าคลับกันหน่อยนะครับ :D หมายเหตุ : สำหรับการแปะลิงค์ใน Pantip.com ช่วยใส่ Link ให้เป็น http://www.mangmaoclub.com เพื่อให้แปะลงไปได้โดยไม่ Error ขอบคุณครับ :)