ช่วงนี้ตลาดหุ้นกลับมาอยู่ในช่วงขาลง ผมเห็นนักเล่นหุ้นหลายๆคนถกเถียงกันเรื่องที่ว่าควรจะคัทลอสหรือไม่คัทลอสดี แล้วถ้าไม่คัทจะมีผลดีผลเสียอย่างไรบ้าง ผมเลยขอวอรม์อัพโดยนำเรื่องเล่าสั้นๆเบาๆมาเล่าให้กับทุกคนได้อ่านกันสักหน่อย นั่นก็คือเรื่องราวและแนวคิดในการเดิมพันของนักคณิตศาตร์ชื่อดังอย่าง แบลส์ ปาสคาล (Blair Pascal) นั่นเองครับ
แนวคิดการเดิมพันของปาสคาล
ผมเชื่อว่าพวกเราหลายๆคนน่าจะรู้จักและคุ้นชื่อของปาสคาลจากในชั้นเรียนคณิตศาสตร์กันดีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเราหลายๆคนไม่ค่อยได้รู้กันก็คือ ในช่วงหลังๆของชีวิตนั้น เขามีชื่อเสียงของเขาในฐานะของผู้ที่เป็นหัวหอกในการถกเถียงกันระหว่างความเชื่อที่ว่า “God หรือพระเจ้านั้นมีอยู่จริงหรือไม่?” (คล้ายๆกับการถกเถียงว่าบุญบาปและนรกหรือสวรรค์นั้นมีอยู่จริงหรือไม่ในศาสนาพุทธ) ส่วนจะเกี่ยวอะไรกับเรื่องเล่นหุ้นขอให้อ่านต่อไปอีกนิด แต่นี่ก็คือสิ่งที่นำมาสู่หลักความคิดที่ชื่อว่าการเดิมพันของปาสคาลนั่นเองครับ (Pascal’s Wager)
แล้วอะไรคือสาระสำคัญของหลักการเดิมพันของปาสคาลน่ะหรือครับ?
สาระสำคัญก็คือการที่ปาสคาลได้ให้เหตุผลที่น่าสนใจเกี่ยวกับความเชื่อในเรื่องของพระเจ้าเอาไว้ว่า การตัดสินใจเชื่อที่ว่าพระเจ้ามีอยู่จริงนั้นเหมาะสมกว่าการที่จะเชื่อว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริงๆ!!
เขาได้เหตุผลเอาไว้ว่าในการดำรงชีวิตนั้น คุณสามารถเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อในพระเจ้าก็ได้ อย่างไรก็ตาม ความเชื่อในเรื่องความมีอยู่ของพระเจ้านี้ก็คล้ายๆกับเกมการเดิมพันอย่างหนึ่ง (เช่นเกมโยนเหรียญหัว-ก้อย) นั่นก็เพราะแล้วสุดท้ายพวกเราทุกคนก็ต้องตาย และแน่นอนว่าไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้จริงๆก่อนตายหรอกว่าสวรรค์หรือนรกหรือพระเจ้านั้นมีอยู่จริงหรือไม่ ดังนั้นแล้วมันจึงเป็นเกมการเดิมพันที่เสมือนกับว่าคุณจำเป็นต้องเล่นโดยไม่สามารถปฏิเสธได้
เมื่อมองในแง่ของเกมการเดิมพันแล้ว ทิศทางความเชื่อของคุณก็เหมือนกับเดิมพันคุณวางลงไป โดยหากว่าคุณเลือกที่จะเชื่อในพระเจ้านั้น (ทำความดี) เมื่อคุณตายลงไปหากพระเจ้าและนรกรวมถึงสวรรค์ไม่มีอยู่จริง คุณก็แทบไม่เสียอะไรเลย แต่หากว่าพระเจ้ามีอยู่จริงสิ่งที่คุณจะได้รับกลับมาก็คือการได้ใช้ชีวิตอย่างแสนสุขสบายอยู่บนสรวงสวรรค์
ในทางกลับกันนั้น หากคุณเลือกที่จะไม่เชื่อในพระเจ้านั้น (ทำความเลว) เมื่อคุณตายลงไปหากว่าพระเจ้าไม่มีอยู่จริงคุณก็ไม่เสียอะไรเลยเช่นเดียวกัน แต่หากว่าพระเจ้ามีอยู่จริงๆแล้วล่ะก็ … สิ่งที่คุณจะต้องเผชิญก็คือขุมนรกที่สุดแสนจะทรมาน และคุณยังจะต้องได้รับการลงโทษอย่างแสนสาหัสอีกด้วย
ดังนั้นเมื่อมองถึงความคุ้มค่าแล้ว การเลือกที่จะเดิมพันในฝั่งที่พระเจ้านั้นมีอยู่จริงจึงแสนที่จะคุ้มค่ากว่ามากเป็นไหนๆ เพราะในทางคณิตศาสตร์นั้นการเชื่อพระเจ้าให้ค่าคาดหวังที่เป็นบวกแทนที่จะเป็นลบเหมือนในฝั่งตรงข้ามนั่นเอง
ตัวอย่างการคำนวณค่าคาดหวังของ Pascal แบบง่ายๆ
EV = (Gain x Probability of win) + (Loss x Probability of loss)
เชื่อในพระเจ้า = (Heaven x 0.5) + (0 x 0.5) = 0.5 x Heaven
ไม่เชื่อในพระเจ้า = (0 x 0.5) + (Hell x 0.5) = 0.5 x Hell
นรกของนักเล่นหุ้นมีจริงหรือไม่!?
หลังจากที่ได้เล่ามาถึงตรงนี้ หลายคนอาจเก็ทแล้ว แต่บางคนอาจยังสงสัยว่า … ผมจะเอาเรื่องนี้มาเล่าทำไม? และมันเกี่ยวกับเรื่องของการเล่นหุ้นอย่างไร??
คำตอบก็คือเกี่ยวแน่นอน!!
เพราะในการใช้ชีวิตอยู่ในตลาดหุ้นนั้น สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือคุณจะต้องเจอกับทั้งช่วงเวลาที่ตลาดนั้นดีและร้ายสลับกันไปอยู่เสมอ คำถามก็คือคุณได้เตรียมรับมือกับสถานการณ์เหล่านั้นไว้ในรูปแบบไหนอย่างไรบ้าง? ซึ่งแน่นอนว่าแผนการณ์รับมือกับช่วงเวลาอันเลวร้ายในตลาดของคุณก็จะเป็นไปตามทิศทางความเชื่อในส่วนลึกของคุณนั่นเอง ดังนั้นแล้วคุณจึงมีทางเลือกในการเดิมพันหลักๆอยู่ 2 ทางนั่นก็คือ
1. คุณเลือกที่จะเชื่อว่าความเสี่ยงและความโหดร้ายของตลาดหุ้นนั้นมีอยู่จริง และคุณก็คงต้องมีบ้างที่จะโดนแจ๊คพ็อตเข้ากับหุ้นสักตัว หรือหลายๆตัวเข้าสักวันหนึ่งอย่างแน่แท้เมื่ออยู่ในตลาดนานขึ้นเรื่อยๆ
2. คุณเลือกที่จะเชื่อว่าตลาดหุ้นนั้นสวยงาม, มีเหตุผล และไม่ได้โหดร้ายอย่างที่คิด ซึ่งความรู้ความสามารถที่มีอยู่ของคุณนั้นจะต้องทำให้คุณสามารถหลบรอดจากความผิดพลาดและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับคุณได้อย่างแน่นอน หรืออย่างน้อยที่สุดคุณก็คงจะไม่ใช่คนที่ซวยขนาดนั้น (มั้ง)
หากคุณเลือกข้อแรกนั้น สิ่งที่คุณต้องทำจะค่อนข้างยากลำบากต่อความรู้สึกอยู่พอสมควร นั่นก็คือการต้องพยายามควบคุมความเสี่ยงอย่างเหมาะสมไม่ให้โลภหรือโลภน้อยจนเกินไปอยู่ตลอดเวลา หรือไม่ก็ต้องรู้จักตัดขาดทุนออกไปซะหากว่าเกิดเหตุการณ์นอกกรอบที่คุณคาดคิดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหุ้นกลับเด้งวิ่งขึ้นไปต่อ คุณก็จะขาดทุนเพราะการคัทลอส และเสียโอกาสทำกำไรไปรวมถึงอาจต้องไปตามซื้อใหม่ แต่ถ้าหุ้นตกต่อคุณก็สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาหรือรอดตัวจากหุ้นที่คุณถืออยู่ไปได้
ในทางกลับกันแล้ว หากคุณเลือกข้อสองเพราะคุณมั่นใจ … ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยจากทั้งตลาดหุ้น, ตัวหุ้น หรือตัวคุณเองก็ตาม สิ่งที่คุณต้องทำนั้นก็ไม่มีอะไรมาก นั่นก็เพียงแค่ถือหุ้นจำนวนไม่กี่ตัวที่คุณมั่นใจไว้ และเมื่อเวลาที่ตลาดขาลงหรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันมาถึงคุณก็แค่ “ภาวนา”, “รอคอย” และ “คาดหวัง” ให้สถานการณ์กลับมาดีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งถ้าตลาดกลับมาดีคุณก็อาจได้กำไรก้อนใหญ่อย่างสุขขี แต่ถ้าหุ้นของคุณไปแล้วไปลับไม่กลับมา คุณก็แค่ถึงเวลาต้องเดินออกจากตลาดไปเท่านั้นเอง
คำถามก็คือคุณเลือกที่จะเชื่อในข้อไหน!!??
… สำหรับใครที่ยังไม่เคยเห็นลักษณะผลตอบแทนของหุ้นแต่ละตัวในตลาด ยังไงลองดูข้อมูลด้านล่างนี้แล้วลองตัดสินใจด้วยตัวเองดูครับ!
ภาพการกระจายตัวของผลตอบแทนรายปี : Distribution ของผลตอบแทนรายปี (วัดทุกสิ้นปี) จากหุ้นทุกตัวในตลาดตั้งแต่ตลาดหุ้นเปิด แสดงให้เห็นว่าถึงแม้โดยรวมแล้วค่าเฉลี่ย (Mean) ของผลตอบแทนจากหุ้นแต่ละตัวจะเป็นบวกอยู่ที่ราว 20% ต่อปี อย่างไรก็ตามจากตาราง Quantiles นั้นเราจะพบว่า 25% ของผลตอบแทนทั้งหมดมีค่าต่ำกว่า -24% นั่นหมายความว่าโดยเฉลี่ยแล้วในแต่ละปีคุณมีโอกาสที่จะเจ็บตัวหนักๆแบบคางเหลืองจากการถือหุ้นในตลาดได้ถึงราว 1 ใน 4 เลยทีเดียว ดังนั้นลองพิจารณาดูนะครับ ^_^ (*ค่า N = 8107)
ปล 1. Pascal’s Wager ยังเป็นหัวข้อที่ถูกถกเถียงกันอยู่ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ แต่ผมไม่ได้จะนำเสนอเรื่องของศาสนา แค่คิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจกับหลักการเก็งกำไรและเล่นหุ้นดีเท่านั้นนะครับ
ปล. ผมหายไปเข้าถ้ำฝึกวิชาหุ้นและทำวิจัยมาเพิ่มเติม เดี๋ยวอาทิตย์นี้จะค่อยๆกลับไปไล่ตอบทั้งเมล์ทั้งบล็อกและ Q&A บอร์ดนะครับ ต้องขออภัยอย่างสูงต่อทุกคนด้วยครับ ^_^