fbpx
จิตวิทยาการลงทุน

โลกในมุมมองของนักเล่นหุ้นตามแนวโนวโน้ม : Inside the Counterintuitive World of Trend Follower by Charles Faulkner (Part 1)

Google+ Pinterest LinkedIn Tumblr

หุ้น จิตวิทยาการลงทุน faulkner

โลกในมุมมองของนักเล่นหุ้นตามแนวโนวโน้ม (ตอนที่ 1)

วันนี้ผมนำบทความจาก Charles Faulkner ยอดนักเก็งกำไรและผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาศักยภาพในรูปแบบ NLP อันดับต้นๆของโลกมาให้อ่านครับ เขาเคยถูกสัมภาษณ์ไว้ในหนังสือหลายๆเล่มรวมถึง The Market Wizrard และ The Intuitive Trader ที่ผมเคยได้นำมารีวิวให้อ่านเอาไว้แล้ว นอกจากนี้เขายังเป็นผู้เขียนร่วมในหนังสือจิตวิทยาการพัฒนาตนเองด้วยวิธีการ NLP ที่ขายดีที่สุดเล่มหนึ่ง (อันดับ 1 ในอเมซอนชื่อ NLP The New Technology of Achievement) ซึ่งเขาได้นำเอาวิธีการเหล่านี้มาช่วยในการพัฒนาศักย์ภาพของนักเก็งกำไรไว้ได้อีกด้วยครับ

“มันไม่เกี่ยวว่าคุณคิดอย่างไร มันเกี่ยวกับว่าคุณกำลังเห็นว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นต่างหาก” Charles Faulkner

Michael Covel ได้กล่าวไว้ในหนังสือ Trend Following ของเขาเอาไว้ว่า บรรดาสุดยอดนักเล่นหุ้นตามแนวโน้ม (Trend Follower) นั้น มักที่จะมีมุมมองที่เป็นปรัชญาเบื้องหลังแนวทางการเก็งกำไรของพวกเขาเอง โดยการที่คนส่วนใหญ่มักที่จะมองข้ามมันไปนั้น ก็เนื่องมาจากว่ามันอาจไม่ใช่สิ่งที่จะทำความเข้าใจได้ง่ายๆสักเท่าไหร่ และเมื่อไหร่ที่บรรดานักเก็งกำไรแบบ Trend Follower พูดว่าพวกเขามีแนวคิดหรือปรัชญาของพวกเขานั้น สิ่งที่พวกเขากำลังบอกเราก็คือ เขากำลังพูดถึงมุมมองที่พวกเขามีต่อโลกหรือสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวนั่นเอง และมันไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในหนังสือการลงทุนโดยทั่วไปสักเท่าไหร่ แต่พวกเขาได้รับมันมาจากการสังเกตุและประสบการณ์ตรงของพวกเขา

ปรัชญาการเก็งกำไรแบบ “กระทำไปตามแนวโน้ม หรือ Trend Following” นั้น สามารถที่จะสรุปออกมาหลักๆได้ 7 ข้อ โดยเราจะค่อยๆพูดถึงไป ในแต่ละข้อคิดนั้นๆในบทความนี้ ซึ่งประกอบไปด้วย

  • ไม่มีใครสามารถหยั่งรู้อนาคตได้
  • หากว่าเราสามารถที่จะตัดคำว่า “มันจะ”, “อาจจะ” และ “น่าจะ” ออกไปจากชีวิตของเราได้ แล้วมองโลกถึงสิ่งต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นด้วยความเป็นจริง คุณจะมีความได้เปรียบเหนือคนอีกหลายๆคนเลยทีเดียว
  • สิ่งต่างๆนั้นสามารถที่จะทำการเทียบวัดได้ ดังนั้น จงพยายามพัฒนาการวัดผลของคุณอยู่ตลอดเวลา
  • คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่า “เมื่อไหร่” ที่สิ่งต่างๆจะต้องเกิดขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ
  • ราคาสามารถเคลื่อนไหวขึ้น, ลง หรือค่อยๆเคลื่อนไปด้านข้างได้เท่านั้น
  • การขาดทุนหรือสูญเสีย เป็นองค์ประกอบหรือส่วนหนึ่งของชีวิต
  • สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ปัจจุบัน”

แท้จริงแล้ว ความแตกต่างระหว่างนักเล่นหุ้นแบบ Trend Following หรือแนวทางอื่นๆนั้น ไม่ใช่สไตล์หรือวิธีการ แต่มันคือความแตกต่างจากสิ่งที่พวกเขาคิดและทำ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่นอกเหนือไปจากการตอบสนองโดยทั่วไปของสัญชาติญาณของเราโดยทั่วไปนั่นเอง

เมื่อพูดถึงประโยคที่พวกเราทุกคนรู้จักกันดี นั่นก็คือ “ตัดขาดทุนอย่างรวดเร็ว และปล่อยให้กำไรวิ่งไปเรื่อยๆ” แน่นอนว่า นักเล่นหุ้นส่วนใหญ่ย่อมที่จะเห็นพ้องกันว่า นี่เป็นสิ่งที่ยากที่สุดสิ่งหนึ่งที่จะทำได้เลยทีเดียว ทำไมน่ะหรือ? นั่นก็เพราะ “เมื่อมีลูกไก่อยู่ในกำมือ เราย่อมคิดว่ามันดีกว่าที่จะปล่อยมันเอาไว้ก่อน” นั่นเอง และแน่นอนว่าเหล่า Trend Followers ย่อมเข้าใจมันดีเช่นกัน แต่พวกเขาก็เข้าใจเป็นอย่างดีเช่นกันว่า สิ่งเหล่านี้มันเป็นเพียงความรู้สึกหรือประสบการณ์ส่วนตัว ซึ่งจะสร้างอคติในการตัดสินใจอย่างสมเหตุสมผลของเราลงไป พวกเขารู้ว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่สามารถเชื่อถือได้เมื่อนำมาใช้กับการเก็งกำไรในตลาดหุ้นนั่นเอง

ไม่มีใครหยั่งรู้อนาคตได้!

เซียนหุ้น John W. Henrry “เราจะไม่มีการพยายามพยากรณ์อะไรทั้งสิ้น!” นี่คือคำพูดของสุดยอด Trend Follower ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลกคนหนึ่ง นั่นก็คือ John W. Henry (ผู้ที่กำลังพยายาม Take over สโมสรฟุตบอล Liverpool อยู่นั่นเอง วันหลังผมจะนำแนวคิดการเล่นหุ้นเก็งกำไรของเขามาให้อ่านกันต่อไปนะครับ :D) โดยที่ Henry ได้บอกกับพวกเราไว้ว่า ความหมายของมันก็คือ สิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นลางสังหรณ์ของคุณ, สัญชาติญาณของคุณ หรือความเชื่อของคุณเกี่ยวกับโลกใบนี้นั้น แท้จริงแล้วก็คือมายาจิตของคุณเอง แท้จริงแล้ว สิ่งต่างๆที่เราได้ยินจากผู้ชำนาญการหรือเซียนหุ้นต่างๆในทีวีหรือที่ไหนๆก็เป็นเพียงแค่อคติของพวกเขา หุ้นไม่ได้วิ่งไปมาเพราะเหตุผลอย่างเดียว, ทองคำไม่ได้เคลื่อนไหวเพื่อใครบางคน, อัตราดอกเบี้ยไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพียงเพราะเหตุผลบางอย่าง แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าผลกระทบจากสิ่งต่างๆที่ทำให้ราคาหุ้นเปลี่ยนแปลงไปนั้นไม่มีอยู่จริง เพียงแต่ว่ามันมีเหตุผลหลายๆอย่างจนมากเกินไปต่างหาก และการที่เราจะพยายามจะวัดผลกระทบของมันทั้งหมดออกมาได้อย่างแน่นอนนั้น เป็นเรื่องที่เกินกว่าความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นสำหรับพวกเราทุกๆคน

Bill Dunn สุดยอด Trend Follower อีกคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของกองทุน Dunn Capital เป็นอีกผู้หนึ่งที่เห็นด้วยกับสิ่งนี้ ถึงแม้ว่าตัวของเขาเองนั้น จะจบการศึกษาถึงระดับปริญญาเอกในสาขา Theoretical Physic ซึ่งแน่นอนว่า ไม่มีใครที่สามารถได้รับปริญญาเอกในสาขานี้ได้ โดยที่ไม่เข้าใจถึงสมการ “สามตัวแปร” (Three body problem) จนลึกซึ้งได้อย่างแน่นอน

เซียนหุ้น Bill Dunn เมื่อเรามองย้อนกลับไปในยุคโบราณนั้น Sir Isaac Newton ผู้เป็นบิดาและผู้ค้นพบแนวทางในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เกี่ยวกับผลกระทบของสิ่งต่างๆ ซึ่งเป็นปัญหาที่มีตัวแปรอยู่ 2 ตัวแปร (ปัญหา 2 วัตถุ) เช่น โลกและดวงจันทร์ โดยวิธีการแก้ปัญหาของนิวตันก็คือ เขาได้ตัดเอาตัวแปรอื่นๆรอบๆออกไปก่อน เพื่อที่จะสามารถแก้ไขปัญหาทางคณิตศาสตร์ชิ้นนี้ออกมาได้ และเมื่อสิ่งต่างๆเริ่มสำเร็จผล เขาจึงได้ตั้งสมมุติฐานของเขาต่อมาว่า สูตรหรือแนวทางในการแก้ปัญที่มีตัวแปรอยู่ 2 ตัวของเขานั้น จะสามารถนำไปสู่การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ ซึ่งมีตัวแปรมากกว่า 3 ตัว โดยที่ตัวแปรแต่ละตัวจะทำปฎิกริยาตอบสนองต่อกันไปมาออกมาได้ (ปัญหา 3 วัตถุหรือมากกว่า)

อย่างไรก็ตาม ในอีก 200 ปีต่อมา ก็ยังไม่มีใครที่จะสามารถแก้โจทย์นี้ออกมาได้ และเพื่อให้เรื่องนี้เร็วขึ้น ผมจะขอข้ามมาถึงในขณะที่ อองรี ปวงกาเร (Henri Poincare) สุดยอดนักคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ชาวฝรั่งเศษ ได้รับรางวัลจากพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์สวีเดน ในปี 1889 แต่ไม่ใช่รางวัลในการที่เขาสามารถแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์นี้ออกมาได้ ในทางกลับกันแล้ว เขาได้รับรางวัลเนื่องจากเขาสามารถพิสูจน์ออกมาได้ว่า มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ออกมาต่างหาก

ศาสตราจารย์ ปวงการเร Poincare ยอดนักคณิตศาสตร์ ศาสตราจารย์ปวงกาเร ได้ค้นพบว่า เพียงแค่ปัญหาที่มีตัวแปรหรือวัตถุแค่ 3 ตัวนั้น ผลกระทบไปมาจากตัวแปรแต่ละตัวที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้เราไม่สามารถที่จะสามารถคำนวณได้อย่าง “แน่นอน” ว่า ผลกระทบจากการตอบสนองไปมาของตัวแปรแต่ละตัวต่อจะก่อให้เกิดสิ่งไดหรือเกิดขึ้นในรูปแบบใด และอะไรจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น, พันธบัตร และอนุพันธ์ล่วงหน้าเช่นเดียวกัน และถึงแม้ว่าการคาดคะเนโดย “ประมาณ” นั้นจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นจริงนั้นมักจะตรงข้ามกับสัญชาติญาณหรือความเชื่อของคนเราโดยทั่วไป นั่นก็คือ ยิ่งเรา (Market Participant) พยายามที่จะสร้าง Model ที่มีความแม่นยำมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งจะทำให้ Model เหล่านี้ไม่สามารถตอบได้ว่าอะไรที่จะเกิดขึ้นในอนาคตยิ่งขึ้นเท่านั้น

ข้อสรุปในเรื่องนี้นั้นง่ายๆมากๆ นั่นก็คือ โลกของเรานั้นมันช่างยิ่งใหญ่ และมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายมากกว่าที่ Model ที่ละเอียดและซับซ้อนที่สุดของเราจะเก็บรายละเอียดเอาไว้ได้ทั้งหมด อีกทั้ง Model ที่มีความซับซ้อน (มีการวัดหรือใช้ตัวแปรมากกว่า 3 ตัวขึ้นไป) นั้น มักที่จะพังทลายลงให้เราพยายามใช้มันที่จะพยากรณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตออกมานั่นเอง ผลก็คือ สิ่งเหล่านี้ทำให้บรรดาเหล่า Trend Follower จึงเพ่งความสนใจไปที่รายละเอียดของสิ่งที่ “กำลัง” เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ว่ามันกำลังเกิดขึ้น “อย่างไร” แทนที่จะพยายามพยากรณ์ไปในอนาคต หรือพูดอีกอย่างก็คือ พวกเขาใช้ชีวิตอยู่บนโลกของ “ปัจจุบัน” นั่นเอง

สำหรับตอนนี้ก็จบเพียงเท่านี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะมาต่อให้ในวันต่อไป รับรองว่านี่เป็นบทความที่ดีมากๆอีกบทความหนึ่งเช่นกัน อ่านแล้วชอบไม่ชอบช่วยบอกกันหน่อยนะครับ จะได้พอรู้ว่าเป็นอย่างไร หรืออย่างน้อยถือเป็นกำลังใจให้ผมแล้วกัน แล้วเจอกันใหม่ครับ :D

แมงเม่าคลับ.คอม หนังสือหุ้นน่าอ่าน, วิธีการเล่นหุ้น, การวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค, จิตวิทยาการลงทุน และการบริหารเงินทุน Money Management

ถ้าเห็นว่าบทความไหนมีประโยชน์ เพื่อนๆสามารถที่จะนำบทความไปแปะเพื่อแบ่งปันได้โดยไม่มีปัญหา แต่ยังไงขอแรงช่วยลิงค์อ้างอิงกลับมาที่แมงเม่าคลับกันหน่อยนะครับ :D หมายเหตุ : สำหรับการแปะลิงค์ใน Pantip.com ช่วยใส่ Link ให้เป็น http://www.mangmaoclub.com เพื่อให้แปะลงไปได้โดยไม่ Error ขอบคุณครับ :)