fbpx
จิตวิทยาการลงทุน

อัตราความแม่นยำในการเล่นหุ้น : Babe Ruth and Accuracy

Google+ Pinterest LinkedIn Tumblr

babe ruth หุ้น เบบ รูธ และ อัตราความแม่นยำของเขา

วันหยุดสบายๆมีเรื่องมาให้อ่านกันเช่นเคย วันนี้ผมนำบทความซึ่งเขียนไว้โดย Micheal Covel ซึ่งถือเป็นผู้ชำนาญการในการลงทุนแบบ Trend Following คนหนึ่งของโลก และเคยเขียนหนังสือที่ดีมากๆเล่มหนึ่งไว้ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ Trend Following ครับ

วิธีการเล่นหุ้น จิตวิทยาการลงทุน

เบบ รูธ และ อัตราความแม่นยำของเขา

อัตราความแม่นยำในการซื้อ-ขายหุ้นของคุณนั้นสำคัญจริงๆหรือ? คุณเคยรู้บ้างไหมว่านักเล่นหุ้นแบบ Trend Following นั้นมีอัตราความแม่นยำโดยเฉลี่ยเพียงแค่ประมาณ 40% เท่านั้น?

จอร์จ เฮอร์มาน รูธ (George Herman Ruth) ฮีโร่นักเบสบอลของชาวนิวยอร์คและคนอเมริกันทั้งประเทศ และอาจกล่าวได้ว่าเขานั้นเป็นนักกีฬาที่กลายเป็นตำนานคนหนึ่งเลยทีเดียว โดยเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของความสามารถในการทำโฮมรันของเขา อย่างไรก็ตามเขานั้นมีบางสิ่งที่มักจะถูกมองข้ามและไม่ได้พูดถึงไป นั่นก็คือ เขาตีลูกพลาดเยอะมากๆ ความจริงแล้วก็คือ เขามีสถิติการตีลูกโดนโดยเฉลี่ยเพียง .342 เท่านั้น นั่นหมายถึงว่าเขาตีลูกพลาดไปถึง 2 ใน 3 ครั้งทีเดียว

หากมองจากในมุมของตัวเลขที่เกิดขึ้นนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นหมายถึงเขาทำล้มเหลวมากกว่าความสำเร็จไปเยอะมาก แต่เมื่อไหร่ที่เขาตีโดนเข้าล่ะก็ จะเกิดอะไรขึ้นน่ะหรือ?.. นั่นสามารถทำให้ผู้ขว้างของฝ่ายตรงข้ามถึงกับฝันร้ายได้เลยทีเดียว และนั่นเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมชื่อของเขายังคงกึกก้องอยู่ในวงการกีฬาทุกๆวันนี้

เบบ รูธ นั้นเข้าใจเป็นอย่างดีว่า การตีลูกโฮมรันถูกเพียงครั้งเดียวนั้น มีผลกระทบต่อเกมมากกว่าการตีลูกแล้วไม่โดนของเขาเยอะมาก และเขาได้อธิบายปรัชญาในการเล่นของเขาง่ายๆด้วยประโยคสั้นๆดังนี้ “ทุกๆครั้งที่ผมตีลูกไม่โดน(Strike) นั่นหมายถึงว่าผมกำลังเข้าไกล้โฮมรันของผมขึ้นไปเรื่อยๆแล้ว” และเมื่อนักข่าวได้ถามเขาว่า เขามีวิธีการอย่างไรในการจัดการกับความรู้สึกเมื่อทุกๆอย่างเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ เขาตอบว่า “ผมก็แค่เดินไปยืนตรงนั้น แล้วพยายามเหวี่ยงไม้ในครั้งต่อไป”

และนี่คือสิ่งที่เป็นบทเรียนสำหรับนักเล่นหุ้นได้เป็นอย่างดี นั่นก็คือ “หากคุณมีความมั่นใจอย่างแท้จริงในวิธีการเล่นหุ้นและตัวของคุณเองแล้วล่ะก็ การขาดทุนที่เกิดขึ้นเป็นพักๆนั้นจะไม่มีผลสำคัญกับคุณหรอก เพราะในที่สุดแล้วคุณจะสามารถกลับมาทำกำไรได้มากกว่าเดิมในระยะยาว”

เพื่อที่จะช่วยให้คุณเห็นภาพได้ดีขึ้น ผมจะขอยกตัวอย่างที่เห็นกันได้จากในชีวิตประจำวันของทุกๆคน นั่นก็คือ มนุษย์เงินเดือนและผู้ประกอบการนั่นเอง มนุษย์เงินเดือนชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเขาจะได้รายรับเป็นเงินจำนวนเท่าๆเดิมในทุกๆเดือน(อาจมีการขึ้นเงินเดือนบ้างเป็นช่วงๆ หรือตามภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น) เมื่อมองในทางตัวเลขของอัตราความแม่นยำแล้ว มนุษย์เงินเดือนคือพระราชาแห่งความแม่นยำเลยทีเดียว พวกเขามีอัตราส่วนการทำงานและการได้รับเงินอย่างแน่นอน 100% พวกเขามีงานที่มั่นคง และชีวิตที่มั่นคง แต่จริงๆแล้ว ความปลอดภัยที่พวกเขารู้สึกนั้นคือภาพลวงตาอย่างหนึ่ง จริงๆแล้วเงินที่พวกเขาได้รับนั้นขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจในขณะนั้น สภาวะของอุตสาหกรรมหรือแม้กระทั้งเจ้านายของพวกเขา และที่สำคัญเงินที่พวกเขาได้รับส่วนใหญ่นั้นก็ไม่ได้มากมายอะไร มันอาจทำให้พวกเขามีชีวิตที่มั่นคง แต่ไม่มากไปกว่านั้น

ในทางกลับกันแล้ว เมื่อเรามองไปยังเหล่าผู้ประกอบการนั้น วันรับเงินของพวกเขามักไม่แน่นอน พวกเขาอาจใช้เวลาเป็นเดือนๆ หรือเป็นปีๆ โดยที่ไม่เห็นตัวเงินหรือผลตอบแทนที่แน่นอนขึ้นมา เมื่อมองในแง่อัตราความแม่นยำของพวกเขานั้นช่างน่าสลดใจเลยทีเดียว ไอเดียที่ยิ่งใหญ่เป็นสิบๆครั้งของพวกเขานั้น 7 ครั้งมักจะหายไปกับสายลม ที่เหลืออีก 3 ครั้งนั้น 2 ครั้งในนั้นมักทำให้เวลาในชีวิตและเงินของพวกเขาของพวกเขาสูญเปล่า แต่เราไม่สามารถที่จะดูถูกเหล่าผู้ประกอบการพวกนี้ซึ่งได้ทุ่มเทให้กับความล้มเหลวได้สักเท่าไหร่หรอก พวกเขามีความปรารถนาที่แรงกล้าในชีวิตของพวกเขา พวกเขาคือผู้กุมชะตาชีวิตของพวกเขาเอง ซึ่งในที่สุดไอเดียครั้งสุดท้ายของพวกเขาอาจทำเงินให้พวกเขาเป็นหลายล้านบาทในที่สุดก็ได้ โดยคนที่ได้เคยกล่าวถึงเรื่องของอัตราความแม่นยำในการลงทุนเอาไว้ได้เป็นอย่างดีคนหนึ่งก็คือ นักเก็งกำไรระดับตำนานอย่าง จอร์จ โซรอส นั่นเอง โดยเขาได้เคยพูดเอาไว้ว่า “มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะผิดหรือถูกบ่อยสักแค่ไหน สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ คุณทำเงินได้มากแค่ไหน เมื่อเทียบกับการขาดทุนของคุณเมื่อคุณคิดผิดไป”

วิธีการเล่นหุ้น จิตวิทยาการลงทุน

เรื่องนี้สำหรับคนมือเก่าๆเขี้ยวลากดินในตลาดหุ้นอาจดูเป็นเรื่องง่ายๆไม่น่าสนใจสักเท่าไหร่ แต่สำหรับมือใหม่แล้วผมคิดว่าควรจะต้องทำความเข้าใจให้ดีทีเดียว ไม่เช่นนั้นอาจหลงทางไปหาจอกศักดิสิทธ์ หรือ Holy Grail อยู่อีกนานหลายปีทีเดียว (เพราะตอนแรกๆผมก็เคยเป็น 55) เพราะหากเราจับประเด็นในการเล่นหุ้นผิดไป ก็อาจต้องไปหลงอยู่ในวังวนของการหาอินดิเคเตอร์ หาวิธีการอ่านกราฟพิสดารเข้าไปเรื่อยๆ เพราะหลงคิดไปว่าการจะเล่นให้ได้กำไรต้องอาศัยความแม่นยำเท่านั้น แต่จริงๆแล้วผมคิดว่าเมื่อพูดกันแบบบ้านๆแล้ว ประเด็นหรือเป้าจริงๆของการเล่นหุ้นนั้นก็เพียง “ทำกำไรให้ได้มากกว่าขาดทุน” เท่านั้นเองครับ แล้วเจอกันใหม่ที่ แมงเม่าคลับ.คอม ครับ ขอให้มีความสุขกับวันหยุดสบายๆนี้ครับ

ถ้าเห็นว่าบทความไหนมีประโยชน์ เพื่อนๆสามารถที่จะนำบทความไปแปะเพื่อแบ่งปันได้โดยไม่มีปัญหา แต่ยังไงขอแรงช่วยลิงค์อ้างอิงกลับมาที่แมงเม่าคลับกันหน่อยนะครับ :D หมายเหตุ : สำหรับการแปะลิงค์ใน Pantip.com ช่วยใส่ Link ให้เป็น http://www.mangmaoclub.com เพื่อให้แปะลงไปได้โดยไม่ Error ขอบคุณครับ :)