วันนี้เราจะลองมาดูพฤติกรรมของ SET index ว่าตรงตามที่ทฤษฏี Random Walk ได้กล่าวถึงไว้หรือไม่กันดีกว่าครับ ^_^
จากที่ผมได้ลองไปแหย่ถามใน Fanpage ของ Mangmaoclub ว่า …
เพื่อนๆคิดว่า SET index ของเรามีการเคลื่อนไหวแบบสุ่ม Random Walk หรือไม่อย่างไร? แล้วคิดว่าถ้าอย่างนั้นการใช้กราฟหรือ Technical Analysis จะช่วยเราในการลงทุนได้หรือไม่?
ผลการโหวตในช่วงเช้าได้ข้อสรุปจากมุมมองของเพื่อนๆแมงเม่าคลับประมาณ 44 คนนี้ครับ (1/8/2012)
25 คน หรือราว 57% เชื่อว่า SET index ไม่ได้เคลื่อนที่แบบสุ่มมั่วๆ (Non Random Walk) กราฟช่วยเราได้
17 คน หรือราว 39% เชื่อว่า SET index เคลื่อนที่แบบสุ่ม (Random Walk) แต่กราฟยังช่วยได้อยู่
2 คน หรือราว 4% เชื่อว่า SET index เคลื่อนที่แบบสุ่ม (Random Walk) กราฟจึงช่วยอะไรเราไม่ได้เลย
เอาล่ะครับ ผมเองไม่ได้จะบอกว่าใครถูกหรือใครผิด เพราะให้ลองเดาๆดู ดังนั้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาและเรียนรู้ ผมจึงได้ลองทดสอบผลการเคลื่อนไหวของ SET index ตั้งแต่เริ่มมีการคำนวณดัชนีมาให้ดูกันตั้งแต่ปี 1975 และนี่ก็คือผลลัพท์ของมันครับ
ยกแรก! การเคลื่อนไหวของ SET index กับทฤษฏี Random Walk
ตารางเปรียบเทียบอัตราส่วนของ Upward Movement และ Downward Movement ใน Time Frame ต่างๆของดัชนี SET index
หากเราสังเกตุจาก Daily Movement ของราคาหุ้นแล้วล่ะก็ … เราจะพบว่าการเคลื่อนไหวขึ้นกับการเคลื่อนไหวลงของ SET index นั้นให้สถิติพอๆกันไม่ต่างจากการโยนเหรียญ นี่เป็นสิ่งที่ค่อนข้างตรงกับทฤษฎีของ Random Walk ที่ว่าราคานั้นเดินสุ่มเลยทีเดียวครับ!! อย่างไรก็ตาม เมื่อเราเปลี่ยน Time Frame ในการเก็บข้อมูลเป็น Weekly และ Monthly เราจะพบว่า SET index ค่อนข้างจะมี Bias ในเรื่องนี้ไปในเชิงของ Upward Movement เสียมากกว่า … ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? เดี๋ยวเราจะเก็บข้อสงสัยนี้ไว้ก่อนนะครับ เพราะอย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาตามมาตรฐาน Standard แล้ว ผมก็จะถือซะว่า SET index มีการกระจายตัวของการขึ้นและการลงในรูปแบบของ Random Walk อย่างน้อยก็ใน Daily Time Frame แล้วกันครับ
คำถามก็คือ … แล้วถ้า SET index เคลื่อนที่ขึ้นพอๆกับเคลื่อนที่ลง แล้วอะไรจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ดัชนีสามารถเดินทางมาจนสูงกว่าจุดเริ่มต้นที่ 100 จุดขนาดนี้อย่างนั้นล่ะ??
ความน่าสนใจมันอยู่ตรงนี้ครับ! นั่นก็เพราะว่า … ขนาดของ Upward Movement โดยเฉลี่ยของ SET index นั้น ใหญ่กว่าขนาดของ Downward Movement มันจึงส่งผลให้ค่าเฉลี่ยของขนาดในการเคลื่อนไหวโดยรวมนั้นเป็นบวกนั่นเอง และนั่นทำให้ SET index มีการเคลื่อนไหวโดยเฉลี่ยในแต่ละวันอยู่ที่ราว +0.038% ในแต่ละวัน
นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าหลายๆคนลืมที่จะนึกถึงเมื่อพูดถึงทฤษฏี Random Walk ในการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น! เพราะถึงแม้ว่าการกระจายตัวของการขึ้นหรือลงนั้นจะมีปริมาณพอๆกันก็ตาม แต่ “ขนาดการเคลื่อนไหวหรือ Magnitude” นั้นไม่จำเป็นต้องเท่ากัน! (และการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ๆก็มักเกิดขึ้นบ่อยกว่าที่คุณคิดเสียด้วย) สิ่งนี้เองที่มักจะทำให้ Trend หรือแนวโน้มต่างๆนั้นเกิดขึ้น และยังเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นออกมากจากสถิติของการกระจายตัวใน Time Frame ที่ใหญ่กว่าว่าอัตราการเคลื่อนขึ้นนั้นจะค่อยๆเพิ่มมากขึ้นกว่าอัตราการเคลื่อนลงไปเรื่อยๆนั่นเอง
ไม่ใช่เพราะสัดส่วนการกระจายตัวของการขึ้น-ลง … แต่เป็นเพราะขนาดของการขึ้นและลงโดยรวมต่างหาก! นั่นแปลว่าถึงแม้ว่าคุณอาจไม่สามารถทำนายการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในแต่ละวันได้ แต่คุณยังคงมีกำไรได้จากการรู้จักวางตนอยู่ในข้างของขนาดการเคลื่อนไหวที่ใหญ่กว่าครับ
ยกที่ 2 แล้วการใช้กราฟทาง Technical Analysis จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุนของเราได้หรือไม่?
เพื่อให้เห็นว่าการใช้กราฟมีโอกาสที่จะช่วยให้เรามีความได้เปรียบในตลาดเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ ผมจะขอนำเอาหลักของการวิ่งทะลุแนวรับแนวต้านอย่างง่ายด้วยเครื่องมือ Peak n Trough 1% ที่ทุกคนๆคุ้นเคยกันดีมาลองทดสอบกันดู โดยในที่นี้เราจะเก็บข้อมูลเหมือนเดิมทุกอย่าง ต่างกันตรงที่เราจะมาเปรียบเทียบกันดูว่า ระหว่างที่เครื่องมือบอกว่า SET index นั้นเป็นขาขึ้นและขาลงอยู่นั้น อัตราส่วนต่างๆของพวกมันจะแตกต่างกันอย่างไร เอาล่ะครับ ลองไปดูกันดีกว่า (ผมจะวัดจาก Daily Time Frame ต่อเลย)
ภาพแสดงการหาแนวโน้มของดัชนี SET index ด้วยเครื่องมือ Peak and Through ที่ 1%
ตารางเปรียบเทียบอัตราส่วนของ Upward Movement และ Downward Movement ในสภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง
เราคงจะได้เห็นผลที่ออกมากันชัดเจนว่า …
1. เมื่อตลาดเป็นขาขึ้นนั้น การเคลื่อนไหวขึ้นในแต่ละวันจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นกว่าเคลื่อนไหวลงอย่างเห็นได้ชัดเจนเป็นอัตราส่วนที่ 59.09% : 40.91% หรือพูดง่ายๆก็คือ เมื่อ SET index เป็นขาขึ้นนั้น มันมักที่จะเคลื่อนที่ขึ้นในแต่ละวันมากกว่าลง
2. เมื่อตลาดเป็นขาลงนั้น อัตราส่วนของการขึ้นและการลงจะกลับกันในทันที! โดยที่การเคลื่อนขึ้นจะลดลงเหลือ 42.26% แต่การเคลื่อนลงกลับเพิ่มขึ้นถึง 57.74% นั่นหมายถึงว่าเมื่อ SET index เป็นขาลงแล้ว เรามีโอกาสที่จะเจอกับวันที่ SET ตกมากกว่า SET ขึ้น
และนี่ก็คือคำตอบของคำถามที่ว่า Technical Analysis จะสามารถช่วยเพิ่มความได้เปรียบในตลาดให้กับคุณได้หรือไม่นั่นเอง! … อย่างไรก็ตาม ผมยังมีสถิติอีกสักแง่มุมให้ลองพิจารณาเพิ่มเติมนั่นก็คือ
3. เมื่อ SET index เป็นขาขึ้นนั้น ขนาดของการเคลื่อนไหวโดยเฉลี่ยของมันจะมีค่าอยู่ราวๆ 0.27% ในแต่ละวันในขณะที่เมื่อ SET index เป็นขาลง ขนาดของการเคลื่อนไหวโดยเฉลี่ยจะมีค่าติดลบที่ราว –0.24% แทน มันจึงทำให้เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่า นอกจากที่จำนวนการเคลื่อนที่ขึ้นจะมีสัดส่วนมากกว่าเมื่อ SET index เป็นขาขึ้นแล้ว มันยังทำให้ระยะการเคลื่อนไหวโดยเฉลี่ยของมันเป็นบวกอีกด้วย (ในขณะที่ขาลงติดลบ ส่วนค่าเฉลี่ยจาก SET index ในประเด็นแรกอยู่ที่เพียง 0.038% ต่อวันเท่านั้น)
เท่านี้เราก็น่าจะเห็นแล้วว่าการวิเคราะห์แนวโน้มอย่างง่ายๆด้วย Technical Analysis นั้นจะสามารถช่วยคุณได้หรือไม่อย่างไรกัน!
สรุปแล้วก็คือ การกระจายตัวของการเคลื่อนไหวในแต่ละวันของ SET index อาจถือเป็น Random Walk แบบโยนเหรียญที่ 50 : 50 ได้ อย่างไรก็ตามเราต้องไม่ลืมว่าขนาดการเคลื่อนไหวในการขึ้นและลงไม่จำเป็นต้องเท่ากันเสมอ ทิศทางใหญ่ของมันจึงไม่จำเป็นต้องกลายเป็นการวิ่งสุ่มแบบ Random Walk! และนี่คือความจริงที่เกิดขึ้นกับหุ้นทั้งตลาดเช่นกัน … และด้วยการใช้ Technical Analysis ในการช่วยจับทิศทางหรือแนวโน้มใหญ่ของมันนั้น เพียงแค่นี้เราก็สามารถที่จะสร้างความได้เปรียบให้กับตัวของเราได้โดยไม่ยากเย็นนัก
ไม่รู้จะตรงกับที่ใครคิดไว้กันบ้างหรือเปล่า? และนี่ก็คือทั้งหมดของบทความนี้ครับ ^_^