เรามักที่จะชื่นชอบและหลงชื่นชมต่อการอธิบายถึงสูตรเด็ดมหัศจรรย์ในการซื้อหุ้นกันเป็นอย่างมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วสูตรเด็ดส่วนใหญ่ก็ไม่ได้แตกต่างจากปาหี่ไปสักเท่าไหร่นัก และนี่ก็เป็นสิ่งที่ผมอยากจะเตือนมือใหม่ๆทุกคนเอาไว้ด้วยเช่นกัน
หลุมพรางของมือใหม่
ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในตลาดหุ้นนั้น สิ่งแรกๆที่ผมจำได้เป็นอย่างดีก็คือการที่มีผู้อ้างตัวว่าเป็นเซียนหลายๆคนพยายามที่จะหยิบกราฟของหุ้นที่วิ่งทำกำไรอย่างมหาศาลมาอธิบายถึงเหตุผลของมันด้วยสูตรเด็ดของพวกเขาอยู่เสมอ นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผมในตอนแรกๆเป็นอย่างมาก พวกเขามักที่จะให้คำอธิบายเช่นว่า
“Indicator X ตัดขึ้นที่แถวๆนี้ก็เลยทำให้หุ้นวิ่งขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว”
“หุ้นตัวนี้รวบรวมพลังจากแถวๆนี้มันก็เลยวิ่งขึ้นไปอย่างมากมาย”
“การที่ Breakout ในครั้งนี้รุนแรงมากๆเนื่องจากมันอยู่ในเวฟ X ของมัน”
“Indicator X คอนเฟิรม์กับ Indicator Y หุ้นก็เลยวิ่งขึ้นอย่างสวยงาม”
“Indicator ของเขาตัดขึ้นก่อนที่หุ้นจะวิ่งขึ้นไปอย่างมากมาย … etc.”
ในตอนนั้นผมเองก็ไม่รู้หรอกครับว่าทำไมมันจึงเป็นเช่นนั้น แต่สิ่งที่ผมรู้อย่างหนึ่งก็คือผมเชื่อว่ามันคือเทคนิคการวิเคราะห์ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นผมก็นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นปีๆเพื่อที่อยากจะดูกราฟและอธิบายได้ว่าหุ้นตัวไหนที่กำลังจะระเบิดขึ้นตามที่พวกเขาเคยว่าไว้!
แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาต่อจากนั้นอีกเป็นปีๆคืออะไรน่ะหรือครับ?
เมื่อหุ้นไม่เป็นไปตามที่ผมคาดคิดผมก็กลับไปหาสาเหตุของมันด้วยการสังเกตถึงพฤติกรรมของพวกมันย้อนหลังไปอีกเรื่อยๆให้ละเอียดลงไปตามสูตรเด็ดการวิเคราะห์หุ้นเหล่านั้น จนผมมั่นใจว่าสิ่งที่ผมวิเคราะห์ผิดพลาดไปนั้นเป็นเพราะอะไรนั่นเอง
แต่แล้วเกิดอะไรขึ้นอีกต่อมารู้ไหมครับ?
ผมก็ยังเกิดความผิดพลาดขึ้นอีก และผมก็จะย้อนกลับไปทำสิ่งต่างๆเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างหนักเพื่อที่จะตอบคำถามให้ได้ว่าผมพลาดสิ่งไหนไปและมีอะไรที่ผมยังไม่รู้กันแน่
แต่นับตั้งแต่วันแรกๆจนถึงวันนี้ … ผมก็ยังคงเกิดความผิดพลาดอยู่อีกเช่นเคยทั้งที่ผมเห็นกราฟราคาก็แทบที่จะจำได้เลยว่า Indicator ตัวต่างๆมันน่าจะมีค่าอยู่ที่เท่าไหร่กันบ้าง
ใช่ครับ! อาจมีบางคนกำลังคิดในใจว่าผมมันโง่เองที่ไม่เห็นแสงสว่างในนั้นกับเขาบางเสียที และผมก็อาจเป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆก็ได้! คนโง่อย่างผมมันไม่สมควรมานั่งเรียนกราฟให้เสียวิชากับเขาเลยจริงๆ
ความลับของสูตรเด็ดวิเคราะห์หุ้น
แต่เรื่องที่ว่าผมมันจะโง่เง่าหรือไม่ อาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญของสิ่งที่ผมอยากจะเล่าให้ฟังในวันนี้ เพราะสิ่งที่ผมอยากจะเล่าก็คือในที่สุดแล้วผมก็ได้พบกับความลับอย่างหนึ่งที่ทำให้สูตรการวิเคราะห์หุ้นที่แสนวิเศษเหล่านี้มันยอดเยี่ยมเสียเหลือเกิน และความลับนั้นก็คือ
“อดีตถูกเสมอ”
นี่คือความลับในการขายคอร์สอบรมต่างๆที่มักจะมีราคาแพงแสนแพงแทบทั้งสิ้น และมันก็คือวิธีการที่พวกเขามักที่จะนำมาหลอกพวกมือใหม่ๆที่พึ่งจะเข้ามาในตลาดได้ไม่นานนั่นเอง
โดยหนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดที่คนเหล่านี้มักจะทำก็คือการหยิบอดีตมาเล่า!
… เล่าให้มีสาระ!
… มีตัวแปร!
… มีคำอธิบาย!
… มี Story ต่างๆให้มากเอาไว้!
… และเลือกกราฟที่ดีที่สุดหรือหลักฐานบางอย่างมาอธิบายมันออกมา!
อ้อ … และท้ายที่สุด พวกเขามักจะไม่ลืมเติมคำว่ากำไรอย่างมหาศาลและรวดเร็วเข้าไปด้วย!
พวกเขาตั้งใจที่จะทำให้เราเห็นแต่ในสิ่งที่เราอยากจะเห็นจนเราเชื่อและหลงลืมถึงความไม่สมบูรณ์แบบของมันไป พวกเขาจะนำเอากราฟทุกๆกราฟที่เข้าล็อกกับรูปแบบที่พวกเขาว่าเอาไว้ให้เราดูอยู่เสมอ เพราะเขาพยายามที่จะสร้างการรับรู้ในเชิงบวกให้กับสูตรมหัศจรรย์ของพวกเขานั่นเอง
จำไว้ให้ดีว่าไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไรมันก็จะถูกเสมอ! เพราะเขาได้คัดเลือกมันออกมาให้กับพวกเราแล้ว และถ้ามันจะมีบางอย่างผิดแปลกไปเสียบ้าง เขาก็จะมีคำแก้ตัวที่ดูมีเหตุผลและพร้อมที่จะพูดขึ้นหักล้างกับความผิดปกติที่เราสังเกตได้อยู่ทุกเมื่อ และถ้ามีอะไรผิดพลาดที่ชัดเจนขึ้นจริงๆเขาก็มักจะบอกว่านี่เป็นความบังเอิญที่เกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก
จงอย่าเชื่อเพียงเพราะมันดูเหตุมีผล … แต่จงพิสูจน์มันเสียก่อน
ผมอยากเตือนมือใหม่ทุกคนไว้ว่าตลาดหุ้นนั้นไม่ได้มีสภาวะที่ตายตัวอย่างที่เราคิดกัน พวกมันเปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ และไม่มีวิธีการใดๆที่จะช่วยให้คุณทำกำไรจากตลาดได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น ทุกอย่างเป็นเพียงความน่าจะเป็นในตัวของมันเอง คุณควรต้องเรียนรู้ที่จะพิสูจน์มันด้วยวิธีการบางอย่างดูเสียก่อน (Back-test, Forward Test หรือ Paper Trade ดูอย่างน้อยสัก 20 – 30 Sample ขึ้นไป) แต่อย่าหลงเชื่อและวางเงินทุนจนหมดหน้าตักเพียงเพราะภาพสวยหรูที่คุณได้เห็นมาเท่านั้น
การที่พวกเขาสามารถอธิบายถึงสิ่งต่างๆที่เคยเกิดขึ้นกับสุดยอดหุ้นเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถหรือประสิทธิภาพของสูตรในการวิเคราะห์ของพวกเขาเลย อันที่จริงแล้วมันอาจเป็นเพียงสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเขานั้นมีความสามารถในการที่จะ “เล่าเรื่อง” ที่เกิดขึ้นในอดีตได้ดีมากๆเท่านั้นเอง
อย่าลืมนะครับ “อดีตถูกเสมอ!” พูดอย่างไรก็ถูกครับ