ตารางแสดงค่าความแข็งแกร่งสัมพันธ์ตามกลุ่มอุตสาหกรรม 23/10/10 (ฉบับทดลอง)
หลังจากที่ได้ศึกษาแนวคิดในเรื่องของ Relative Strength (RS) ในการเลือกหุ้นมาพอสมควร ซึ่งเป็นคนละตัวกับอินดิเคเตอร์ยอดฮิตอย่าง RSI ที่ทุกๆท่านรู้จักกันดีอยู่ ผมคิดว่าน่าจะดีถ้าในแต่ละอาทิตย์ผมจะนำมันมา Post ลงสักอาทิตย์ละครั้ง เพื่อเป็นข้อมูลในการเล่นหุ้นอีกทางหนึ่งครับ เนื่องจากผมยังไม่พบว่า มีที่ใดที่มีการจัดอันดับ Ranking ของความแข็งแกร่งของหุ้นหรืออุตสาหกรรมเอาไว้สำหรับตลาดหุ้นไทย (หรืออาจมีแต่ผมยังไม่ทราบ ถ้ามีช่วยแจ้งให้ทราบก็ได้ครับ ผมจะได้ไม่เหนื่อย อิอิ)
หลักการง่ายๆของมันมีอยู่ว่า “สิ่งที่แข็งแกร่ง มีแนวโน้มที่จะแข็งแกร่งขึ้นอีก” อธิบายง่ายๆเช่น หากว่าคุณต้องการที่จะเดิมพันผลการสอบกับเด็กกลุ่มหนึ่ง คุณจะเดิมพันในตัวเด็กคนไหน ระหว่างเด็กที่ตั้งใจเรียน และมีผลการเรียนที่ดีเยี่ยมในระดับ Top ของกลุ่มมาเป็นเวลาหนึ่ง หรือคุณจะเลือกเดิมพันกับเด็กที่อยู่รั้งท้ายของกลุ่มแทนครับ หรืออีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ หากคุณต้องเลือกที่จะเดิมพันหาทีมฟุตบอลที่จะเป็นแชมป์ในปีต่อไป คุณจะเลือกใคร ระหว่างกลุ่มผู้นำในปีที่แล้ว หรืออันดับบ๊วยของตารางที่หนีการตกชั้น?
การใช้ Relative Strength นี้ มีผลจากการศึกษาวิจัยอยู่หลายชิ้น ที่ได้บ่งชี้ให้เห็นว่า มันมีน้ำหนักในการ “คาดเดา” ถึงศักย์ภาพของราคาหุ้นในอันดับต้นๆเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับหลายๆปัจจัย เช่น ค่า P/E, PSR, Earning Growth และอื่นๆอีกมากมาย ข้อดีของมันคือ เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้เข้ากับหลักทรัพย์หรือตราสารทางการลงทุนได้ทุกๆอย่าง เนื่องจากพบว่า มันมีความสำพันธ์ที่ซ่อนอยู่ในทุกๆชนิดของตราสารการลงทุนครับ ในวันข้างหน้า
หลักการใช้ค่า RS ก็คือ ให้เลือกลงทุนในกลุ่มที่เป็น “ผู้นำ” ตลาดอันดับแรกๆ นั่นคือ กลุ่มที่เกิดการเคลื่อนไหวเป็นบวกมากที่สุด โดยช่วงเวลาที่มีนัยยะสำคัญที่ผลการวิจัยต่างๆได้บ่งชี้ออกมานั้น คือตั้งแต่ 6 เดือนถึง 12 เดือน หากมากกว่าหรือน้อยกว่านั้น น้ำหนักหรือคุณค่าในการช่วย “คาดเดา” ถึงศักย์ภาพและความต่อเนื่องของราคาหุ้นจะลดลงพอสมควรครับ
อีกสักพักหนึ่งผมจะหาบทความเกี่ยวกับเรื่องของ Relative Strength มาลงให้นะครับ ตอนนี้ยังหาที่สั้นๆดีๆถูกใจไม่ได้เลย ส่วนมากจะเป็น White Paper ยาวๆเสียมากกว่า ยังไงถ้ามีข้อสงสัย หรือคุณเป็นคนหนึ่งที่ได้ใช้วิชานี้อยู่แล้ว ผมอยากขอให้ช่วยแบ่งปันความรู้หรือมุมมองเพิ่มเติมเอาไว้หน่อยนะครับ (ติติงก็ได้ ว่าน่าจะเพิ่มเติมอะไรลงไปบ้าง) เพราะผมเองก็ไม่ใช่ผู้ชำนาญการเลยเสียทีเดียว นอกจากนี้ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆนักเล่นหุ้นคนอื่นๆอีกด้วยครับ :D